ตอนที่ ๗ พระมหาอุปราชทรงปรึกษาการศึกแล้วยกทัพเข้าปะทะทัพหน้าของไทย
ร่าย ๙๗/๒๒๘ ฝ่ายกองตระเวนรามัญ อันขุนศึกธใช้ ให้เอาม้ามาลาด คอยข่าวราชริปู ดูทัพชาวพระนคร จักออกรอนออกรบ จักออกทบออกทาน เอากาการมาบอก แม้บออกต่อติด จักประชิดเมืองถึง จึงสมิงอะคร้านขุนกอง รองสมิงเป่อปลัดทัพ กับสมิงซายม่วน ทั้งสามด่วนเดินพล พวกพหลหมู่ม้า ห้าร้อยมามองความ ยลสยามยาตราทัพ อยู่ท่ารับรายค่าย ขอบหนองสหร่ายเรียบพยูห์ ดูกองหน้ากองหลวง แลทั้งปวงทราบเสร็จ เร็วระเห็จไปทูล แด่นเรศรอุปราช ครั้นพระบาทได้สดับ ธ ก็ทราบสรรพโดยควร ว่านเรศวรกษัตรา กับเอกาทศรุถ ยกมาแย่งรงค์ แล้วพระองค์ตรัสถาม สามสมิงนายกอง ถ้าจักประมาณพลไกร สักเท่าใดดูตระหนัก ตรัสซ้ำซักเขาสนอง ว่าพลผองทั้งเสร็จ ประมาณสิบเจ็ดสิบแปดหมื่น ดูดาษดื่นท่งกว้าง ครั้นเจ้าช้างทรงสดับ ธก็ตรัสแก่ขุนทัพขุนกอง ว่าซึ่งสองกษัตริย์กล้า ออกมาถ้ารอรับ เป็นพยุหทัพใหญ่ยง คงเขาน้อยกว่าเรา มากกว่าเขาหลายส่วน จำเราด่วนจู่โจม โหมหักเอาแต่แรก ตีให้แยกย่นย่อย ค่อยเบาแรงเบามือ เร็วเร่งฮือเข้าห้อม ล้อมกรุงเทพทวารัติ ชิงเอาฉัตรตัดเข็ญ เห็นได้เวียงโดยสะดวก แล้วธสั่งพวกขุนพล เทียบพหลทุกทัพ สรรพแต่ยามเสร็จ ตีสิบเอ็ดนาฬิกา จักยาตราทัพขันธ์ กันเอารุ่งไว้หน้า เร็วเร่งจัดอย่าช้า พรุ่งนี้เช้าเราตี เทอญนา
๙๘/๒๖๘ โคลง๔ ๏ เสนีรับถ้อยท่าน ทุกตน
ต่างเร่งตรวจเตรียมพล ทุกผู้
พลหาญหื่นหนรณ เริงร่าน อยู่แฮ
คอยจักขับเคี่ยวสู้ เข่นเสี้ยนศึกสยาม
๙๙/๒๓๐ ๏ ครั้นยามสิบเอ็ดแล้ว เวลา ลุเอย
องค์อัครอุปราชา หน่อไท้
โสรจสรงรสธารา รวยรื่น ฉมนา
เฉลิมวิเลปน์ลูบไล้ เฟื่องฟุ้งเสาวคนธ์ ฯลฯ
๑๐๐/๒๓๘ ๏ ภูเบนทร์บ่ายบาทขึ้น เกยหอ
ขี่คชชื่อพัทธกอ กาจกล้า
บ่เข็ดบ่ขามขอ เขาเงือด เงื้อแฮ
มันตกติดหลังหน้า เสือกเสื้องส่ายเสย ฯลฯ
ร่าย ๑๐๑/๒๖๗ ส่วนพระยาศรีไสยณรงค์ สองขุนคงควบทัพ กับพระราชฤทธานนท์ ทราบอนุสนธิสั่งไท้ ธให้ยาตรยกโยธี ออกโจมตีตัดศึก แต่ยามดึกเดินพล เร่งขวายขวนเตรียมทัพ สรรพห้าหมื่นโดยมี ตนพระยาศรีขี่คช ปรากฏชื่อมาตงค์ พลายสุรงคเดชะ เมืองสิงหะปีกขวา ออกญาสรรค์ปีกซ้าย เห็จคชผ้ายทุกมูล ขุนผู้คู่กำกับ เป็นทัพหลั่งพรั่งพฤนท์ ขี่คชินทรพาหะ นามชนะจำบัง รังปีกป้องกองขวา พระยาวิเศษชัยชาญ ขุนหาญปีกอุดร เจ้านครชัยนาท กองหน้าอาจโจมประจัญ ให้พระยาสุพรรณผ้ายพยู่ห์ ผู้ปีกซ้ายเมืองธน ทัพเมืองนนท์ปีกขวา ตรีเสนาเก้ากอง ลำลองเหล่าอาสา ส่ำศาสตราครบมือ ถือกระลับกระลอก หอกดาบปืนและสาร แสนยาหาญแน่นขนัด รัดเร่งเท้าเร่งเทา โดยลำเนาลำดับ ถับถึงโคกเผาเข้า พอยามเช้ายังสาย หมายประมาณโมงครบ ประทบทัพรามัญ ประทันทัพพม่า ขับทวยกล้าเข้าแทง ขับทวยแขงเข้าฟัน สองฝ่ายยันยืนยุทธ์ อุดอึงโห่เอาฤกษ์ เอิกอึงโห่เอาชัย สาดปืนไฟยะแย้ง แผลงปืนพิษยะยุ่ง พุ่งหอกใหญ่คะคว้าง ขว้างหอกชักคะไขว่ ไล่คะคลุกบุกบัน เงื้อดาบฟันฉะฉาด ง่าง้าวฟาดฉะฉับ ขับปีกซ้ายเข้าดา ขับปีกขวาเข้าแดก แยกกันออกโรมรัน ปักกันออกโรมรณ ทนสู้ศึกบ่มิลด อดสู้ศึกบ่มิลาด อาจต่ออาจเข้ารุก อุกต่ออุกเข้าร่า กล้าต่อกล้าชิงบั่น กลั่นต่อกลั่นชิงรอน ศรต่อศรยิงยืน ปืนต่อปืนยิงยัน กุทัณฑ์ต่างตอบโต้ โล่ต่อโล่ต่อตั้ง ดั้งต่อดั้งต่อติด เขนประชิดเขนสู้ ต่าวคู่คู่ต่าวต่อ หอกหันร่อหอกรับ ง้าวง่าจับง้าวประจัญ ทวนผัดผันทวนทบ รบอลวนอลเวง ต่างบเกรงบกลัว ตัวต่อตัวชิงมล้าง ช้างต่อช้างชิงชน คนต่อคนต่อรบ ของ้าวทบทะกัน ต่างฟันต่างป้องปัด วางเสนัดหลังสาร ขานเสียงศึกกึกก้อง ว่องต่อว่องชิงชัย ไวต่อไวชิงชนะ ม้าไทยพะม้ามอญ ต่างเข้ารอนเข้าโหม ทวนแทงโถมทวนทบ หอกเข้ารบรอหอก หลอกล่อไขว่แคล้ว แย้งธนูเหนี่ยวน้าว ห้าวต่อห้าวหักหาญ ชาญต่อชาญหักเชี่ยว เรี่ยวต่อเรี่ยวหักแรง แขนต่อแขนหักฤทธิ์ ต่างประชิดฟอนฟัน ต่างประชันฟอนฟาด ล้วนสามารถมือทัด ล้วนสมรรถมือทาน ผลาญกันกันลงเต็มหล้า ผร้ากันลงเต็มแหล่ง แบ่งกันตายลงครัน ปันกันตายลงมาก ตากเต็มท่งเต็มเถื่อน ตากเต็มเผื่อนเต็มพง ที่ยังคงบมิยู่ ที่ยังอยู่บมิหย่อน ต่างต่อกรฮึดฮือ ต่างต่อมือฮึกฮัก หนักหนุนแน่นมาหนา ดาหนุนแน่นมาดาษ บ่รู้ขยาดย่อทัพ บ่รู้ขยับย่อศึก คะศึกเข้าต่อแกล้ว คะแคล้วเข้าต่อกล้า ต่างชิงฆ่าชิงหั่น ต่างชิงบั่นชิงฟัน ปันกันยิงกันแผลง ปันกันแทงกันพุ่ง ยอยุทธ์ยุ่งบ่มิแตก แยกยุทธ์แย้งบ่มิพัง ทวยหน้าหลังต้อนผ้าย ทวยขวาซ้ายต้อนพล เข้าผจญจู่โจม โหมหักหาญราญรบ ต่างท่าวทบระนับ ต่างท่าวทับระนาด บ้างตนขาดหัวหวิ้น บ้างขาดิ้นแขกเด็ด บอยากกระหนาบหน้าหลัง ไทยประนังน้อยแง่ แผออกรลบมิรอด ถอดถอยท้อรอรับ มอญขยับยกตาม หลากเหลือล้นพลเต้า เสียงปืนตึงตื่นเร้า เร่งครื้นเครงครึก อยู่นา
๑๐๒/๒๖๘ โคลง๒ ๏ พันลึกล่มลั่นฟ้า เฉกอสุนีผ่าหล้า
แหล่งเพี้ยงพก แลนา
๑๐๓/๒๖๙ ๏ ดังตรลบโลกแล้ ฤๅบ่ร้างรู้แพ้
ชนะผู้ใดดาล ฉงนนา
๑๐๔/๒๗๐ ๏ สองฝ่ายหาญใช่ช้า คือสีหสู้สีหกล้า
ต่อแกล้วในกลาง สมรนา
ตอนที่ ๘ พระนเรศวรทรงปรึกษายุทธวิธีเอาชนะศึก
๑๐๕/๒๗๑ โคลง๔
ปางอุภัยภูเบศเบื้อง บูรพ์ถวัลย ราชย์แฮ
เรียบพิริยพลพรรค์ พรั่งพร้อม
เจียนจวบรวิวรรณ ร่างเรื่อ แลฤๅ
ทวยทิชากรน้อม นอบนิ้วเสนอทูล
ฯลฯ
๑๐๖/๒๗๒
เชิญไท้ยูรยาตรเต้า เตียงสนาน
ถวายมุทธาภิสิตธาร เพรียกพร้อง
ศิวเวทวิษณุบรรสาน สังข์โสรจ สรงแฮ
มหรทึกครึกเครงก้อง เกริกหล้าหวั่นไหว
ฯลฯ
ร่าย ๑๐๗/๒๗๗ ฝ่ายชีพ่อทวิชาชาติ ราชปุริโสดม พรหมพิทยาจารย์ เบิกโขลนทวารโดยกระทรวง ปวงละว้าเช่นไก่ ไขว่สรวงพลีผีสาง พลางธส่งแสงอาชญา แต่หลวงมหาวิชัย ใจทระนงองอาจ ยาตรตัดไม้ข่มนาม ตามตำรับไสยเพท บัดนฤเบศทรงสดับ เสียงปืนทัพแย้งยุทธ์ สุดอำเภอเลอไสต โปรดโองการธใช้ ให้หมื่นทิพเสนา เห็จอาชาเร็วรีบ ถีบไปสืบเอาการ เขารับสารขึ้นม้า ควบบช้าบหึง ถึงที่ทวยพลทัพ รับพลางถอยพลางล่ามอญพม่าตามติด ประชิดไล่อลวน ผจญรับอลหม่าน ผ่านท้องท่งท้องนา ดามาโดยแดนผลู ดูคะคลาคะคล่ำ บ่รู้กี่ส่ำสับสน เขาเอาตนหมื่นหนึ่งมา ซึ่งเนาในกองทัพ กลับม้านำมาเฝ้า จึ่งพระพุทธเจ้าอยู่หัว ตรัสถามตัวหมื่นพล เยียใดกลจึ่งพ่าย เขาจำหน่ายเหตุสนอง ว่าเผือผองผาดผ้าย ท้ายดอนเผาธัญญา พอนาฬิกาหนึ่งนับ ปะทะทับดัสกร เข้าราญรอมรุมรุก คลุกคลีกันหนักหนา ปวงปัจจามิตรมาก หลากทุกคราทุกครั้ง ตั้งตนต่อบมิคง ตรงตนต่อบมิหยุด เหลือจักยุทธ์จึ่งลาด ครั้นพระบาทยินสาร ธก็บรรหารตระบัด ตรัสปรึกษาหาเลศ แห่งเหตุเพโทบาย ถ้วนทุกนายทุกมุล ทั่วทุกขุนหมู่มาตย์ คาดความคิดทั้งมวล ควรยศใดใครเห็น จักเข่นเข็ญให้มอด จักขอดเข็ญให้ม้วย ด้วยถ่ายเทเล่ห์ไหน วานเขือไขอย่าอำ เขาขานคำท่านถาม สงครามครานี้หนัก เชิญเสด็จพักพลหมั้น แต่งทัพซั้นไปหน่วง ถ่วงศึกไว้จงหนา รามือลงก่อนไสร้ ไว้สักครั้งรั้งรอ พอได้ทีจึ่งยาตร ยกพยุหบาตรออกราญ เห็นควรการชัยชอบ ธก็ตรัสตอบมนตรี ตรองคดีดูแผก ฝ่ายเราแตกย่นยับ จักส่งทัพไปทาน พอพลอยฉานสองซ้ำ ค้ำบอยู่บหยุด ชอบถอยทรุดอย่ารั้ง ให้ศึกพลั้งเสียเชิง โดยละเลิงใจอาจ ยาตรตามติดผิดขบวน ควรเรายกออกโรม โหมหักหาญราญรงค์ คงชำนะเศิกไสร้ ได้ด้วยง่ายด้วยงาม เขายินความยลชอบ นอบประณตแด่ไท้ ธให้หมื่นทิพเสนา กับหมื่นราชามาตย์ เหินหัยราชรีบร้อน ไปเตือนต้อนกองนา เร็วเร่งล่าอย่ารั้ง ทวยพหลทั่วทั้ง ทราบข้อบรรหาร ท่านนา
๑๐๘/๒๗๘ โคลง๒
บนานต่างตนผ้าย ไปบ่รอรั้งท้าย
ถี่เท้าผาดผัง มานา
๑๐๙/๒๗๙
ผันหลังแล่นแผ่ผ้าน บมีผู้อยู่ต้าน
ต่อสู้สักตน หนึ่งนา
ฯลฯ
๑๑๐/๒๘๐ โคลง๓
พวกพลทัพรามัญ เห็นไทยผันหนีหน้า
ไปบ่หยุดยั้งช้า ตื่นต้อนแตกฉาน น่านนา
๑๑๑/๒๘๑
ไป่แจ้งการแห่งเล่ห์ เท่ห์กลไทยใช่น้อย
ต่างเร่งติดเร่งต้อย เร่งเต้าตีนตาม มานา
๑๑๒/๒๘๒
แลหลังหลามเหลือนับ บเป็นทัพเป็นขบวนแท้
ถวิลว่าพ่ายจริงแล้ ไล่ล้ำระส่ำระสาย ยิ่งนา
๑๑๓/๒๘๓
หมายละเลิงใจอาจ ประมาทประมาณหมิ่นหมั้น
เบาเร่งเบาเชิงชั้น ชื่นหน้ามาสรลม สรลอนนา
ตอนที่ ๙ ทัพหลวงเคลื่อนพล ช้างทรงพระนเรศวรและพระเอกาทศรถฝ่าเข้าไปในกองทัพข้าศึก
๑๑๔/๒๘๔ โคลง๔ เบื้องบรมจักรพรรดิเกล้า กษัตรา เถลิงพิภพทวารา เกริ่นแกล้ว สถิตเกยรัตนราชา อาสน์โอ่ องค์เอย คอยฤกษ์เบิกยุทธ์แผ้ว แผ่นพื้นหาวหน
๑๑๕/๒๘๕
บัดดลวลาหกซื้อ ชระอับ อยู่แฮ แห่งทิศพายัพยล เยือกฟ้า มลักแลกระลายกระลับ ลิวล่งไปเฮย เผยผ่องภาณุเมศจ้า แจ่มแจ้งแสงฉาน
๑๑๖/๒๘๖ คัคนานต์นฤราสร้าง ราคิน คือระเบียบรัตนอินทนิล คาดไว้ บริสุทธิ์สร่างมลทิน ถ่องโทษ อยู่นา นักษัตรสวัสดิเดชได้ โชคชี้ศุภผล ฯลฯ
ร่าย ๑๑๗/๒๘๙ เคลื่อนพลตามเกล็ดนาค ตามเต็มท่งแถวเถื่อน เกลื่อนกล่นแสนยาทัพ ถับปะทะไพรินทร์ ส่วนหัสดินอุภัย เจ้าพระยาไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร ตรับตระหนักสำเนียง เสียงฆ้องกลองปืนศึก อึกเอิกก้องกาหลง เร่งคำรนเรียกมัน ชันหูชูหางแล่น แปร้นแปร๋แลคะไขว่ บาทย่างใหญ่ดุ่มด่วน ป่วนกิริยาร่าเริง บำเทิงมันครั่นครึก เข้าสู้ศึกโรมราญ ควาญคัดท้ายบมิอยู่ วู่วางวิ่งฉับฉิว ปลิวประเล่ห์สมพาน ส่ำแสะสารแสนยา ขวาซ้ายแซงหน้าหลัง ทั้งทวยพลตนขุน ถ้วนทุกมุลมวลมาตย์ ยาตรบทันโทท้าว ด้าวศึกสู้สองสาร ราญศึกสู้สองไท้ ไร้พิริยะแห่ห้อม พร้อมแต่กลางควาญคช กำหนดสี่โดยเสร็จ เห็จเข้าใกล้กองหน้า ข้าศึกดูดาษเดียร ธระเมียรหมู่ดัสกร มอญพม่าดาดื่น เดินดุจคลื่นคลาฟอง นองน่านในอรรณเวศ ตรัสทอดพระเนตรเนืองบร โล่โรมรอนทวยสยาม หลามเหลือหลั่งคั่งคับ ซับซ้อนแทรกสับสน ยลบเป็นทัพเป็นกอง ธก็ไสสองสารทรง ตรงเข้าถีบเข้าแทง ด้วยแรงมันแรงกาย หงายงาเสยสารเศิก เพิกพังพ่ายบ่ายตน ปนปะไปไขว่คว้าง ช้างศึกได้กลิ่นมัน หันหัวหกตกกระหม่า บ่ากันเลี่ยงกันหลบ ประทบประทะอลวน สองคชชนชาญเชี่ยว เรี่ยวรณรงค์เริงแรง แทงถืบฉัดตะลุมบอน พม่ามอญตายกลาด ข้าศึกสาดปืนโซรม โรมกุฑัณฑ์ธนู ดูดั่งพรรษาซ้อง ไป่ตกต้องตนสาร ธุมาการเกิดกระลบ อบอลเวงฟากฟ้า ดูบ่รู้จักหน้า หนึ่งสิ้นแสงไถง แลนา
๑๑๘/๒๙๐ โคลง๔
จึ่งไทเทเวศอ้าง สมมุติ มิ่งมหิศวรมกุฎ เกศหล้า เถลิงภพแผ่นอยุธย- ยายิ่ง ยศแฮ แสดงพระเดชฟุ้งฟ้า เฟื่องด้าวดินไหว
๑๑๙/๒๙๑
ภูวไนยผายโอษฐ์อื้น โชยงการ แก่เทพทุกถิ่นสถาน ฉชั้น โสฬสพรหมพิมาน กมลาสน์ แลนา เชิญช่วยชุมโสตซั้น สดับถ้อยตูแถลง
๑๒๐/๒๙๒
ซึ่งแสร้งรังสฤษฏ์ให้ มาอุบัติ ในประยูรเศวตฉัตร สืบเชื้อ หวังผดุงบวรรัตน ตรัสเยศ ยืนนา ทำนุกพระศาสน์เกื้อ ก่อสร้างแสวงผล
๑๒๑/๒๙๓
กลใดไป่ช่วยแผ้ว นภา ดลฤๅ ใสสรว่างธุมา มืดม้วย มลักเล็งเหล่าพาธา ทวยเศิก สมรแฮ เห็นตระหนักเนตรด้วย ดั่งนี้แหนงฉงาย
๑๒๒/๒๙๔
พอถวายวรวากย์อ้าง โอษฐ์พระ ดาลมหาวาตะ ตื่นฟ้า ทรหึงทรหวลพะ- พานพัด หาวแฮ หอบธุมางค์จางเจ้า จรัสด้าวแดนสมร
๑๒๓/๒๙๕
ภูธรเมิลอมิตรไท้ ธำรง สารแฮ ครบสิบหกฉัตรทรง เทริดเกล้า บ่จวนบ่จวบองค์ อุปราช แลฤๅ พลางเร่งขับคชเต้า แต่ตั้งตาแสวง
๑๒๔/๒๙๖
โดนแขวงขวาทิศท้าว ทฤษฎี แลนา บัด ธ เห็นขุนกรี หนึ่งไสร้ เถลิงฉัตรจัตุรพิรีย์ เรียงคั่ง ขูเฮย หนแห่งฉายาไม้ ข่อยชี้เณอนาม
๑๒๕/๒๙๗
ปิ่นสยามยลแท้ท่าน คะเนนึก อยู่นา ถวิลว่าขุนศึกสำ- นักโน้น ทวยทัพเทียบพันลึก แลหลาก หลายแฮ ครบเครื่องอุปโภคโพ้น เพ่งเพี้ยงพิศวง
๑๒๖/๒๙๘
สองสุริยพงศ์ผ่านหล้า ขับคเชนทร์บ่ายหน้า แขกเจ้าจอมตะเลง แลนา
๑๒๗/๒๙๙
ไป่เกรงประภาพเท่าเผ้า พักตร์ท่านผ่องฤๅเศร้า สู้เสี้ยนไป่หนี หน้านา
๑๒๘/๓๐๐
ไพรีเร่งสาดซ้อง โซรมปืนไฟไป่ต้อง ตื่นเต้าแตกฉาน ผ้านนา
ตอนที่ ๑๐ ยุทธหัตถี และชัยชนะของไทย ===
๑๒๙/๓๐๑ โคลง๔ นฤบาลบพิตรเผ้า ภูวนา ยกแฮ ผายสิหนาทกถา ท่านพร้อง ไพเราะราชสุภา- ษิตสื่อ สารนา เสนอบ่มีข้อข้อง ขุ่นแค้นคำไข
๑๓๐/๓๐๒
อ้าไทภูธเรศหล้า แหล่งตะเลง โลกฤๅ เผยพระยศยินเยง ย่านแกล้ว สิบทิศทั่วลือละเวง หวั่นเดช ท่านนา ไป่เริ่มรอฤทธิ์แผ้ว เผือดกล้าแกลนหนี
๑๓๑/๓๐๓ พระพี่พระผู้ผ่าน ภพอุต- ดมเอย ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด ร่มไม้ เชิญราชร่วมคชยุทธิ์ เผยยอเกียรติ ไว้แฮ สืบกว่าสองเราไสร้ สุดสิ้นฤๅมี
๑๓๒/๓๐๔
หัสดีรณเรศอ้าง อวสาน นี้นา นับอนาคตกาล ห่อนพ้อง ขัตติยายุทธ์บรรหาร คชคู่ กันแฮ คงแต่เผือพี่น้อง ตราบฟ้าดินกษัย
๑๓๓/๓๐๕'
ไว้เป็นมหรสพซ้อง สุขศานติ์ สำหรับราชสำราญ เริ่มรั้ง บำเทิงหฤทัยบาน ประดิยุทธ์ นั้นนา เสนอเนตรมนุษย์ตั้ง แต่หล้าเลอสรวง
๑๓๔/๓๐๖ ป่วงไท้เทเวศทั้ง พรหมมาน
เชิญประชุมในสถาน ที่นี้ ชมชื่นคชบำราญ ตูต่อ กันแฮ ใครเชี่ยวใครชาญชี้ ชเยศอ้างอวยเฉลิม
๑๓๕/๓๐๗
หวันเริ่มคุณเกียรติก้อง กลางรงค์ ยืนพระยศอยู่คง คู่หล้า สงครามกษัตริย์ทรง ภพแผ่น สองฤๅ สองราชรอนฤทธิ์ร้า เรื่องรู้สรเสริญ
๑๓๖/๓๐๘
ดำเนินพจน์พากย์พร้อง พรรณนา องค์อัครอุปราชา ท่านแจ้ง กอบเกิดขัตติยมา- นะนึก หาญเฮย ขับคชเข้ายุทธ์แย้ง ด่วนด้วยโดยถวิล
๑๓๗/๓๐๙
หัสดินปิ่นธเรศไท้ โททรง คือสมิทธิมาตงค์ หนึ่งอ้าง หนึ่งคือศิริเมขล์มง คลอาสน์ มารเอย เศียรส่ายหงายงาคว้าง ไขว่แคว้งแทงโถม
๑๓๘/๓๑๐
สองโจมสองจู่จ้วง บำรู สองขัตติยสองขอชู เชิดด้ำ กระลึงกระลอกดู ไวว่อง นักนา ควาญขับคชแข่งค้ำ เข่นเขี้ยวในสนาม
๑๓๙/๓๑๑
งามสองสุริยราชล้ำ เลอพิศ นาพ่อ พ่างพัชรินทรไพจิตร ศึกสร้าง ฤๅรามเริ่มรณฤทธิ์ รบราพณ์ แลฤๅ ทุกเทศทุกทิศอ้าง อื่นไท้ไป่เทียม
๑๔๐/๓๑๒
ขุนเสียมสามรรถต้าน ขุนตะเลง ขุนต่อขุนไป่เยง หย่อนห้าว ยอหัตถ์เทิดลบองเลบง อังกุศ ไกวแฮ งามเร่งงามโทท้าว ท่านสู้ศึกสาร
๑๔๑/๓๑๓
คชยานขัตติเยศเบื้อง ออกถวัลย์ โถมปะทะไป่ทัน เหยียบยั้ง สารทรงราชรามัญ ลงล่าง แลนา เสยส่ายท้ายทันต์ทั้ง คู้ค้ำคางเขิน
๑๔๒/๓๑๔
ดำเนินหนุนถนัดได้ เชิงชิด หน่อนเรนทรทิศ ตกด้าว เสด็จวราฤทธิ์ รำร่อน ขอแฮ ฟอนฟาดแสงของ้าว อยู่เพี้ยงจักรผัน
๑๔๓/๓๑๕
เบื้องนั้นนฤนาถผู้ สยามมินทร์ เบี่ยงพระมาลาผิน ห่อนพ้อง ศัสตราวุธอรินทร์ ฤๅถูก องค์เอย เพราะพระหัตถ์หากป้อง ปัดด้วยขอทรง
๑๔๔/๓๑๖
บัดมงคลพ่าห์ไท้ ทวารัติ แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียรสะบัด ตกใต้ อุกคลุกพลุกเงยงัด คอคช เศิกแฮ เบนบ่ายหงายแหงนให้ ท่วงท้อทีถอย
๑๔๕/๓๑๗
พลอยพล้ำเพลียกถ้าท่าน ในรณ บัดราชฟาดแสงพล- พ่ายฟ้อน พระเดชพระแสดงดล เผด็จคู่ เข็ญแฮ ถนัดพระอังสางข้อน ขาดด้าวโดยขวา
๑๔๖/๓๑๘
อุรารานร้าวแยก ยลสยบ เยนพระองค์ลงทบ ท่าวดิ้น เหนือคอคชซอนซบ สังเวช วายชิวาตม์สุดสิ้น สู่ฟ้าเสวยสวรรค์
๑๔๗/๓๑๙
บั้นท้ายคชาเรศท้าว ไทยไผท ถึงพิราลัยลาญ ชีพมล้าง เพราะเพื่อพิพิธไพ- รีราช แลนา โซรมสาดตราดปืนขว้าง ตอกต้องตนสลาย
๑๔๘/๓๒๐
ฝ่ายองค์อิศวรนาถน้อง นฤบาล แสดงยศคชยุทธยาน ยาตรเต้า มางจาชโรราญ ฤทธิ์ราช แลฤๅ เร็วเร่งคเชนทรเข้า เข่นค้ำบำรู
๑๔๙/๓๒๑
บัดภูธเรศพ่าห์ได้ เชิงชน ลงล่างง้างโททนต์ เทิดใต้ พัชเนียงเบี่ยงเบนตน เซซวน ไปแฮ หัวปั่นหันข้างให้ เพลี่ยงพลั้งเสียที
๑๕๐/๓๒๒
ภูมีมือง่าง้าว ของอน ฟันฟาดขาดคอบร บั่นเกล้า อินทรีย์ซบกุญชร เมือชีพ แลเฮย เผลพระเกียรติผ่านเผ้า พี่น้องสองไท
๑๕๑/๓๒๓
ทันใดกลางคชเจ้า จุลจักร มลายชิพิตลาญทัก ท่าวซ้ำ เหลือหลามเหล่าปรปักษ์ ปืนป่าย เอาเฮย ตรึงอกพกตกขว้ำ อยู่เบื้องบนสาร
๑๕๒/๓๒๔
พระราญอริราชด้วย เดโช สี่ทาสสนองบาทโท ท่านท้าว พระยศยิ่งภิยโย ผ่านแผ่ ภพนา สองรอดโดยเสด็จด้าว ศึกสู้เสียสอง
ร่าย ๑๕๓/๓๒๕ จึ่งกองพยุหทวยทัพ สรรพหลังหน้าขวาซ้าย ผ้ายทันธิบดินทร์ ขณะอรินทรพินาศ ขาดคอคชสองเสร็จ ต่างรีบระเห็จเข้าโรม โหมหักหาญราญรุก บุกบั่นฟันแทงฆ่า พม่ามอญไทยใหญ่ ไล่ล้างลาวดาษดวน ไล่มล้างยวนดาษดื่น ตื่นกันแตกกันตายหลายเหลือนับเนืองนอง กองก่ายกายรายหัว ตัวขาแขนเด็ดดาษ กลาดกลางท่งกลางเถื่อน เกลื่อนกลางดงกลางดอน แล่นซอกซอนซนซุก บุกทุกภายพ่ายแพ้ เพราะพระเดชท่านแท้ หากให้ขาดเข็ญ แลนา
๑๕๔/๓๒๖ โคลง๒
เห็นประภาพเจ้าช้าง เชี่ยวกว่าเชี่ยวเหลืออ้าง เอิกอื้ออัศจรรย์ ยิ่งนา
๑๕๕/๓๒๗
ขวัญหนีดีฝ่อพ้น พวกอเรนทร์ด่วนด้น ดัดดั้นทางทวน ไปนา ฯลฯ
ตอนที่ ๑๑ พระนเรศวรทรงสร้างสถูปและปูนบำเหน็จทหาร
๑๕๖/๓๓๒ โคลง๔ ราชาชัเยศอื้น โองการ รังสฤษฏ์พระสถูปสถาน ทึ่มล้าง ขุนเข็ญคู่รำบาญ สวมศพ ไว้แฮ หนตระพังตรุสร้าง สืบหล้าแหล่งเฉลิม
ร่าย ๑๕๗/๓๓๓ เสร็จเริ่มรณแล้วไสร้ ธให้เจ้าเมืองมล่วน ถ้วนทั้งคชหมอควาญ จำทูลสารเสียรงค์ องค์อุปราชเอารส ขาดคชลาญชีพ รีบเร็วยาตรอย่าหึง ไปแจ้งอึงกฤษฎาการ แด่มหิบาลผู้เผ้า เจ้าแผ่นภพหงสา แล้วธให้คลาพยุหทัพ กลับคืนครองครอบเหล้า เถลิงอยุธยเย็นเกล้า ทั่วทวยสยาม สิ้นนา
๑๕๘/๓๓๔ โคลง๔
กรุงรามฤทธิ์เฟื่องฟ้า ฟู่ภพ ตระบัดบพิตรปรารภ ชอบพ้น เจ้ารามราฆพ คงคู่ เสด็จนา ตำแหน่งกลางช้างต้น ต่อด้วยดัสกร
๑๕๙/๓๓๕
กุญชรวรพ่าห์ท้าย เถลิงงาน องค์อนุชนฤบาล บั่นเสี้ยน ขุนศรีคชคงชาญ ชเยศ ยิ่งนา สนองบาทยาตรยุทธ์เที้ยน เพื่อนไท้ในรณ
๑๖๐/๓๓๖
สองผจญอริราชด้วย โดยเสด็จ คุณขอบตอบบำเหน็จ ท่านให้ ครบเครื่องอุปโภคเสร็จ ทุกสิ่ง สรรพแฮ เงินและทองทาสใช้ อีกทั้งทวยเชลย
๑๖๑/๓๓๗
แล้วเผยพจนารถชั้น บรรหาร ยกชอบกอบบำนาญ ที่ม้วย นายมหานุภาพควาญ กลางคช หนี่งนา หมื่นภักดีศวรด้วย ศึกสู้เสียตน
๑๖๒/๓๓๘
นบัดดลดำรัสให้ ปูนยศ ทรัพย์สิ่งศรีสำรด ทั่วทั้ง บุตรทารท่านแทนทด ความชอบ เขานา สมที่ภักดีตั้ง ต่อเหง้าเผ่าเฉลิม
ร่าย ๑๖๓/๓๓๙ เพิ่มบำเหน็จเสร็จไซร้ ธให้เชิญพระอัยการศึก ปรึกษาโทษขุนทัพ สรรพทั้งมวลหมู่มาตย์ ว่าอริราชริปู ยกพยูหเหยียบเขต ประเวศชานเวียงชัย พระบาทไทธทั้งสอง ปองพระศาสน์อำรุง ผดุงชุมชีทวิชาติ ทั่วทวยราษฎร์ประชา ไป่ระอาออกท้อ ข้อลำเค็ญพระองค์ ทรงพระอุตสาหภาพ เสด็จปราบราชอรี ปวงมนตรีนายทัพ สรรพทุกตนทุกตัว กลัวอเรนทร์เหลือล้น พ้นยิ่งพระราชอาชญา ไป่ยาตราพลขันธ์ ทันเสด็จด้าวรณรงค์ มละสารทรงสองเต้า เข้าท่ามกลางปัจนึก ถึงสู้ศึกหัสดี มีชเยศเสร็จสรรพ โทษขุนทัพทั้งมวล ควรประการใดไสร้ โดยระบอบแบบไว้ แต่เบื้องโบราณ รีตนา
ฯลฯ
๑๖๔/๓๔๓ โคลง๓
ถวายพิพากษาชั้น ดำรัสโดยเหตุหั้น แห่งเบื้องบันทึก โทษนา
๑๖๕/๓๔๔
คำนึงนึกบาปใกล้ วันบัณรสีไซร้ จวบเข้าควรงด หน่อยนา
๑๖๖/๓๔๕
กำหนดพรุกเพ็ญแท้ พันธนาไว้แล้ ตรุตรึ้งตรากขัง มั่นนา
๑๖๗/๓๔๖ โคลง๓
ตั้งแต่ปาฏิบท ล่วงอุโบสถเสด็จแล้ว เร่งสฤษฏ์โทษอย่าแคล้ว คลาดด้าวดำเนิน บทนา
ตอนที่ ๑๒ สมเด็จพระวันรัตขอพระราชทานอภัยโทษ
ร่าย ๑๖๘/๓๔๗ ไป่เกินกาลท่านสั่ง กระทั่งแรมสิบห้าค่ำ ย่ำสองนาฬิกาปลาย ทำงนงายพอเสร็จ จึ่งสมเด็จพระวันรัต วัดป่าแก้วแคล้วคลา กับราชาคณะสงฆ์ ยี่สิบห้าองค์สองแผนก แฉกงาสานสรล้าย ผ้ายลุยังวังราช พระบาทธให้นิมนต์ ดลเรือนรัตนมาฬก ตกแต่งอาสน์ลาดเจียม เตรียมเสร็จสงฆ์สู่สถิต บพิตรกรกรรมพุม ชุมบรรพชิตแช่มชื่น ขุนชีอื้นอวยพร ถามข่าวจรจอมภพ ซึ่งเสด็จรบพารณ จนอเรนทรพินาศ ขาดคอคชในรงค์ จึ่งพระองค์อิศเรศ บรรหารเหตุจำบัง จอมสงฆ์ฟังซั้นขาน พระราชสมภารมีชัย ใดทวยบาทมูลิกา ต้องอาชญายินแหนง ตรัสแสดงโดยดับ ว่านายทัพทั้งผอง เกณฑ์เข้ากองพยูห์ โยมสองตูต่อเข็ญ มันเห็นเศิกสระทก ตระดกดาระรัว ยิ่งกว่ากลัวสวามิศ บเต้าติดตูต้อย มละแต่ข้อยสองคน เข้าโรมรณราวิศ ในอมิตรหมู่กลาง แสนเสนางค์เนืองบร จนราญรอนไอยเรศ ลุชเยศมฤตยู จึ่งได้ดูหน้ามัน เพื่อมหันตบารเมศ เบื้องบุเรศบำรุง ผดุงเดชเผือพี่น้อง ผิบพ้องบุญบูรพ์ ไอยศูรย์เสียมภพ ตรลบเลื่องขามนามตะเลง ลือละเวงธาษตรี เป็นธรณีหงสา เสื่อมกฤตยาสยามยศ สาหสสหากมากมวล ควรลงทัณฑ์ถึงม้วย ด้วยพระอัยการศึก จารึกชื่อชั่วฟ้า ไว้เป็นขนบภายหน้า อย่าให้ใครยลเยี่ยงนา
๑๖๙/๓๔๘ โคลง๔
สมเด็จพนรัตเจ้า จอมชี
ฉลองพจน์ราชวาที ท่านให้
ทวยทูลละอองธุลี บัวบาท พระนา
พื้นภักดีต่อใต้ บทเบื้องเรณู
๑๗๐/๓๔๙
ดูผิดไป่รักท้าว ไป่เกรง
แผกระบอบแต่เพรง ห่อนพ้อง
พระเดชหากแสดงเอง อำนาจ พระนา
เสนอทุกทวยธเรศก้อง เกียรติอ้างอัศจรรย์
ฯลฯ
๑๗๑/๓๕๗
พระตรีโลกนาถแผ้ว เผด็จมาร
เฉกพระราชสมภาร พี่น้อง
เสด็จไร้พิริยะราญ อรินาศ ลงนา
เสนอพระยศยิ่งยินก้อง เกียรติท้าวทุกภาย
๑๗๒/๓๕๘
ผิวหลายพยุหยุทธ์ร้า โรมรอน
ชนะอมิตรมวลมอญ มั่วมล้าง
พระเดชบ่ดาลขจร เจริญฤทธิ์ พระนา
ไปทั่วธเรศออกอ้าง เอิกฟ้าดินไหว
๑๗๓/๓๕๙
อย่าไทโทมนัสน้อย หฤทยา
เพื่อพระราชกฤษฏา แต่กี้
ทุกทวยเทพคณา ซุมซ่วย พระเอย
แสดงพระเดโชชี้ ชเยศไว้ในสนาม
๑๗๔/๓๖๐ โคลง๓
สมดั่งความตูพร้อง ขอบพิตรอย่าข้อง
ขุ่นแค้นเคืองกมล ท่านนา
๑๗๕/๓๖๑
โดยยุบลถ่องแท้ ฤๅสนเท่ห์เล่ห์แล้
ถูกถ้อยแถลงการณ์ นี้นา
ร่าย ๑๗๖/๓๖๒ ปางนฤบาลบดินทร์ ยินสมเด็จพระวันรัต จำแนกอรรถบรรยาย ถวายวิสัชนาสาร โดยพิสดารพรรณนา เสนอสมญายศโยค พระบรมโลกโมลี ด้วยวิธีอุปมาแห่งกฤษฎาภินิหาร ดาลมนัสชุ่มชื้น ตื้นเต็มปรีดิ์ปราโมทย์ โอษฐ์ออกื้นสาธู ชูพระกรกรรพุม ชุมทศนัขเหนือผาก เพื่อยินมลากเลอมาน เจ้ากูขานคำขอบ ชอบทุกสิ่งจริงถ้อย ถวิลบ่แหนงหนึ่งน้อย แน่แท้แถลง แลนา
๑๗๗/๓๖๓
แจ้งเหตุแห่งเหือดขึ้ง ในมนัส
จึ่งพระวันรัตวัด ป่าแก้ว
ถวายพรบวรศรีสวัสดิ์ สว่างโทษ ท่านนา
นฤทุกข์นฤภัยแผ้ว ผ่องพ้นอันตราย
๑๗๘/๓๖๔
ทั้งหลายทวยบาทเบื้อง บงกช
ควรโคตรโทษสาหส อะคร้าว
แต่ทูลธุลีบท สนองบาท มานา
เพรงพระอัยกาท้าว ตราบไท้พระเจ้าหลวง
๑๗๙/๓๖๕
ล่วงถึงบพิตรผู้ เถลิงถวัลย- ราชย์ฤๅ
คือพุทธบรรษัทสรรพ์ สืบสร้าง
เชิญดอดอวยทัณฑ์ ทวยโทษ นี้นา
เลยอย่าลาญชีพมล้าง หนึ่งครั้งขอเผือ
๑๘๐/๓๖๖
ไว้เพื่อผดุงเดชเจ้า จอมปราณ
ก่อเกิดราชรำบาญ ใหม่แม้
พูนเพิ่มพระสมภาร เพ็ญภพ พระนา
วายบ่หวังตนแก้ ชอบได้ไป่มี
ร่าย ๑๘๑/๓๖๗ นฤบดีดาลสดับอรรถ ซึ่งพระวันรัตอภิปราย ถวายพระพรอาจายน์ โทษมวลมาตย์ทุกมุล เพื่อการุญบริรักษ์ ภักดีในบาทบงสุ์ จึ่งพระองค์อนุญาต พระราชทานโทษทั้งผอง โดยอันครองยศ บรรหารพจนพาที ซึ่งเจ้าชีขานขอ ข้อยยกยอโทษให้ แต่ชอบใช้ไปรอน เอานครตะนาวศรี บุรีทวายมริด ถ่ายหนผิดหาชอบ ขุนสงฆ์ตอบคำขาน ข้อโรมราญราวิศ ไป่เป็นกิจตูตาม ใช่เงื่อนงามบรรพชิต โดยพิตรอัธยา เบื้องบัญชาเชิงใช้ ขอลาไท้ลีลาศ ยังอาวาสเวียงวัด ตระบัดท่านจรลี พาเพื่อนชีอะคร้าว คืนสู่ด้าวอาราม เจ้าจอมสยามเสาวนีย์ เนืองมนตรีพ้นโทษ โปรดให้เนาตำแหน่ง แห่งฐานันดรยศ พระราชกำหนดโดยดับ ทัพเจ้าพระยาคลัง รังพลห้าหมื่นเสร็จ เห็จโหมเวียงทวาย หมายเจ้าพระยาจักรี พรักพิรีย์เทียบทัด รัดไปโรมตะนาวศรี ตีมริดเวียงชัย จึ่งชไมมาตยา บัลคลลายาตรพยู่ห์ สู่แดนเศิกโดยปอง ปิ่นเสียมสองสุริยชาติ ตรัสพิภาษพจนา ซึ่งอุตรานคเรศ เขตสีมาเมืองออก เลิกครัวครอกมาหลาย หมายบ่หมดทั้งผอง ตริไตรครองคราวศึก เสื่อมหาญฮึดแบ่งเบา จักโรมเราฤๅย่าน ฝีมือม่านมอญมวล ควรผดุงชนบท ปรากฏเกียรติยืนยง คงคู่กัลป์ประลัย เฉลิมแหล่งไผททั่วด้าว แสดงพระยศไทท้าว ธิราชไว้ไป่วาย นามนา
ฯลฯ
๑๘๒/๔๒๖ โคลง๔
เสร็จแสดงพระยศเจ้า จอมอยุธ- ยาแฮ
องค์อดิศรสมมุติ เทพไท้
นเรศวรรัตนมกุฎ เกศกษัตริย์ สยามฤๅ
หวังอยู่คู่ธเรศไว้ ฟากฟ้าดินเฉลิม
๑๘๓/๔๒๗
รังเริ่มรจเรขอ้าง อรรถา แถลงเอย
เสมอทิพย์มาลย์ผกา เก็บร้อย
ฉลองบทรัชนรา- ธิปผ่าน ภพฤๅ
โดยบ่เชี่ยวเชลงถ้อย ถ่องแท้แลฉลาย
๑๘๔/๔๒๘
บรรยายกลกาพย์แสร้ง สมญา ไว้แฮ
สมลักษณ์เล่ห์เสาวนา เรื่องรู้
“ตะเลงพ่าย”เพื่อตะเลงปรา- ชเยศ พระเอย
เสนอฤทธิ์สองราชสู้ ศึกช้างกลางสมร
๑๘๕/๔๒๙
อวยพรคณะปราชญ์พร้อม พิจารณ์ เทอญพ่อ
ใดวิรุธบรรหาร เหตุด้วย
จงเฉลิมแหล่งพสุธาร เจริญรอด หึงแฮ
มลายโลกอย่ามลายม้วย อรรถอื้นอัญขยม
๑๘๖/๔๓๐
กรมหมื่นนุชิต เชื้อ กวีวร
ชิโนรส มิ่งมหิศร เสกให้
ศรีสุคต พจนสุนทร เถลิงลักษณ์ นี้นา
ขัตติยวงศ์ ผจงโอษฐ์ไว้ สืบหล้าอย่าศูนย์
ฯลฯ
๑๘๗/๔๓๗
ผิววงว่ายวัฏเวิ้ง วารี โอฆฤๅ
บลุโลกกุตรโมลี เลิศล้น
จงเจนจิตกวี วรวากย์ เฉลิยวเอย
ตราบล่วงบ่วงภพพ้น เผด็จเสี้ยนเบียนสมร
ฯลฯ
ร่าย ๙๗/๒๒๘ ฝ่ายกองตระเวนรามัญ อันขุนศึกธใช้ ให้เอาม้ามาลาด คอยข่าวราชริปู ดูทัพชาวพระนคร จักออกรอนออกรบ จักออกทบออกทาน เอากาการมาบอก แม้บออกต่อติด จักประชิดเมืองถึง จึงสมิงอะคร้านขุนกอง รองสมิงเป่อปลัดทัพ กับสมิงซายม่วน ทั้งสามด่วนเดินพล พวกพหลหมู่ม้า ห้าร้อยมามองความ ยลสยามยาตราทัพ อยู่ท่ารับรายค่าย ขอบหนองสหร่ายเรียบพยูห์ ดูกองหน้ากองหลวง แลทั้งปวงทราบเสร็จ เร็วระเห็จไปทูล แด่นเรศรอุปราช ครั้นพระบาทได้สดับ ธ ก็ทราบสรรพโดยควร ว่านเรศวรกษัตรา กับเอกาทศรุถ ยกมาแย่งรงค์ แล้วพระองค์ตรัสถาม สามสมิงนายกอง ถ้าจักประมาณพลไกร สักเท่าใดดูตระหนัก ตรัสซ้ำซักเขาสนอง ว่าพลผองทั้งเสร็จ ประมาณสิบเจ็ดสิบแปดหมื่น ดูดาษดื่นท่งกว้าง ครั้นเจ้าช้างทรงสดับ ธก็ตรัสแก่ขุนทัพขุนกอง ว่าซึ่งสองกษัตริย์กล้า ออกมาถ้ารอรับ เป็นพยุหทัพใหญ่ยง คงเขาน้อยกว่าเรา มากกว่าเขาหลายส่วน จำเราด่วนจู่โจม โหมหักเอาแต่แรก ตีให้แยกย่นย่อย ค่อยเบาแรงเบามือ เร็วเร่งฮือเข้าห้อม ล้อมกรุงเทพทวารัติ ชิงเอาฉัตรตัดเข็ญ เห็นได้เวียงโดยสะดวก แล้วธสั่งพวกขุนพล เทียบพหลทุกทัพ สรรพแต่ยามเสร็จ ตีสิบเอ็ดนาฬิกา จักยาตราทัพขันธ์ กันเอารุ่งไว้หน้า เร็วเร่งจัดอย่าช้า พรุ่งนี้เช้าเราตี เทอญนา
๙๘/๒๖๘ โคลง๔ ๏ เสนีรับถ้อยท่าน ทุกตน
ต่างเร่งตรวจเตรียมพล ทุกผู้
พลหาญหื่นหนรณ เริงร่าน อยู่แฮ
คอยจักขับเคี่ยวสู้ เข่นเสี้ยนศึกสยาม
๙๙/๒๓๐ ๏ ครั้นยามสิบเอ็ดแล้ว เวลา ลุเอย
องค์อัครอุปราชา หน่อไท้
โสรจสรงรสธารา รวยรื่น ฉมนา
เฉลิมวิเลปน์ลูบไล้ เฟื่องฟุ้งเสาวคนธ์ ฯลฯ
๑๐๐/๒๓๘ ๏ ภูเบนทร์บ่ายบาทขึ้น เกยหอ
ขี่คชชื่อพัทธกอ กาจกล้า
บ่เข็ดบ่ขามขอ เขาเงือด เงื้อแฮ
มันตกติดหลังหน้า เสือกเสื้องส่ายเสย ฯลฯ
ร่าย ๑๐๑/๒๖๗ ส่วนพระยาศรีไสยณรงค์ สองขุนคงควบทัพ กับพระราชฤทธานนท์ ทราบอนุสนธิสั่งไท้ ธให้ยาตรยกโยธี ออกโจมตีตัดศึก แต่ยามดึกเดินพล เร่งขวายขวนเตรียมทัพ สรรพห้าหมื่นโดยมี ตนพระยาศรีขี่คช ปรากฏชื่อมาตงค์ พลายสุรงคเดชะ เมืองสิงหะปีกขวา ออกญาสรรค์ปีกซ้าย เห็จคชผ้ายทุกมูล ขุนผู้คู่กำกับ เป็นทัพหลั่งพรั่งพฤนท์ ขี่คชินทรพาหะ นามชนะจำบัง รังปีกป้องกองขวา พระยาวิเศษชัยชาญ ขุนหาญปีกอุดร เจ้านครชัยนาท กองหน้าอาจโจมประจัญ ให้พระยาสุพรรณผ้ายพยู่ห์ ผู้ปีกซ้ายเมืองธน ทัพเมืองนนท์ปีกขวา ตรีเสนาเก้ากอง ลำลองเหล่าอาสา ส่ำศาสตราครบมือ ถือกระลับกระลอก หอกดาบปืนและสาร แสนยาหาญแน่นขนัด รัดเร่งเท้าเร่งเทา โดยลำเนาลำดับ ถับถึงโคกเผาเข้า พอยามเช้ายังสาย หมายประมาณโมงครบ ประทบทัพรามัญ ประทันทัพพม่า ขับทวยกล้าเข้าแทง ขับทวยแขงเข้าฟัน สองฝ่ายยันยืนยุทธ์ อุดอึงโห่เอาฤกษ์ เอิกอึงโห่เอาชัย สาดปืนไฟยะแย้ง แผลงปืนพิษยะยุ่ง พุ่งหอกใหญ่คะคว้าง ขว้างหอกชักคะไขว่ ไล่คะคลุกบุกบัน เงื้อดาบฟันฉะฉาด ง่าง้าวฟาดฉะฉับ ขับปีกซ้ายเข้าดา ขับปีกขวาเข้าแดก แยกกันออกโรมรัน ปักกันออกโรมรณ ทนสู้ศึกบ่มิลด อดสู้ศึกบ่มิลาด อาจต่ออาจเข้ารุก อุกต่ออุกเข้าร่า กล้าต่อกล้าชิงบั่น กลั่นต่อกลั่นชิงรอน ศรต่อศรยิงยืน ปืนต่อปืนยิงยัน กุทัณฑ์ต่างตอบโต้ โล่ต่อโล่ต่อตั้ง ดั้งต่อดั้งต่อติด เขนประชิดเขนสู้ ต่าวคู่คู่ต่าวต่อ หอกหันร่อหอกรับ ง้าวง่าจับง้าวประจัญ ทวนผัดผันทวนทบ รบอลวนอลเวง ต่างบเกรงบกลัว ตัวต่อตัวชิงมล้าง ช้างต่อช้างชิงชน คนต่อคนต่อรบ ของ้าวทบทะกัน ต่างฟันต่างป้องปัด วางเสนัดหลังสาร ขานเสียงศึกกึกก้อง ว่องต่อว่องชิงชัย ไวต่อไวชิงชนะ ม้าไทยพะม้ามอญ ต่างเข้ารอนเข้าโหม ทวนแทงโถมทวนทบ หอกเข้ารบรอหอก หลอกล่อไขว่แคล้ว แย้งธนูเหนี่ยวน้าว ห้าวต่อห้าวหักหาญ ชาญต่อชาญหักเชี่ยว เรี่ยวต่อเรี่ยวหักแรง แขนต่อแขนหักฤทธิ์ ต่างประชิดฟอนฟัน ต่างประชันฟอนฟาด ล้วนสามารถมือทัด ล้วนสมรรถมือทาน ผลาญกันกันลงเต็มหล้า ผร้ากันลงเต็มแหล่ง แบ่งกันตายลงครัน ปันกันตายลงมาก ตากเต็มท่งเต็มเถื่อน ตากเต็มเผื่อนเต็มพง ที่ยังคงบมิยู่ ที่ยังอยู่บมิหย่อน ต่างต่อกรฮึดฮือ ต่างต่อมือฮึกฮัก หนักหนุนแน่นมาหนา ดาหนุนแน่นมาดาษ บ่รู้ขยาดย่อทัพ บ่รู้ขยับย่อศึก คะศึกเข้าต่อแกล้ว คะแคล้วเข้าต่อกล้า ต่างชิงฆ่าชิงหั่น ต่างชิงบั่นชิงฟัน ปันกันยิงกันแผลง ปันกันแทงกันพุ่ง ยอยุทธ์ยุ่งบ่มิแตก แยกยุทธ์แย้งบ่มิพัง ทวยหน้าหลังต้อนผ้าย ทวยขวาซ้ายต้อนพล เข้าผจญจู่โจม โหมหักหาญราญรบ ต่างท่าวทบระนับ ต่างท่าวทับระนาด บ้างตนขาดหัวหวิ้น บ้างขาดิ้นแขกเด็ด บอยากกระหนาบหน้าหลัง ไทยประนังน้อยแง่ แผออกรลบมิรอด ถอดถอยท้อรอรับ มอญขยับยกตาม หลากเหลือล้นพลเต้า เสียงปืนตึงตื่นเร้า เร่งครื้นเครงครึก อยู่นา
๑๐๒/๒๖๘ โคลง๒ ๏ พันลึกล่มลั่นฟ้า เฉกอสุนีผ่าหล้า
แหล่งเพี้ยงพก แลนา
๑๐๓/๒๖๙ ๏ ดังตรลบโลกแล้ ฤๅบ่ร้างรู้แพ้
ชนะผู้ใดดาล ฉงนนา
๑๐๔/๒๗๐ ๏ สองฝ่ายหาญใช่ช้า คือสีหสู้สีหกล้า
ต่อแกล้วในกลาง สมรนา
ตอนที่ ๘ พระนเรศวรทรงปรึกษายุทธวิธีเอาชนะศึก
๑๐๕/๒๗๑ โคลง๔
ปางอุภัยภูเบศเบื้อง บูรพ์ถวัลย ราชย์แฮ
เรียบพิริยพลพรรค์ พรั่งพร้อม
เจียนจวบรวิวรรณ ร่างเรื่อ แลฤๅ
ทวยทิชากรน้อม นอบนิ้วเสนอทูล
ฯลฯ
๑๐๖/๒๗๒
เชิญไท้ยูรยาตรเต้า เตียงสนาน
ถวายมุทธาภิสิตธาร เพรียกพร้อง
ศิวเวทวิษณุบรรสาน สังข์โสรจ สรงแฮ
มหรทึกครึกเครงก้อง เกริกหล้าหวั่นไหว
ฯลฯ
ร่าย ๑๐๗/๒๗๗ ฝ่ายชีพ่อทวิชาชาติ ราชปุริโสดม พรหมพิทยาจารย์ เบิกโขลนทวารโดยกระทรวง ปวงละว้าเช่นไก่ ไขว่สรวงพลีผีสาง พลางธส่งแสงอาชญา แต่หลวงมหาวิชัย ใจทระนงองอาจ ยาตรตัดไม้ข่มนาม ตามตำรับไสยเพท บัดนฤเบศทรงสดับ เสียงปืนทัพแย้งยุทธ์ สุดอำเภอเลอไสต โปรดโองการธใช้ ให้หมื่นทิพเสนา เห็จอาชาเร็วรีบ ถีบไปสืบเอาการ เขารับสารขึ้นม้า ควบบช้าบหึง ถึงที่ทวยพลทัพ รับพลางถอยพลางล่ามอญพม่าตามติด ประชิดไล่อลวน ผจญรับอลหม่าน ผ่านท้องท่งท้องนา ดามาโดยแดนผลู ดูคะคลาคะคล่ำ บ่รู้กี่ส่ำสับสน เขาเอาตนหมื่นหนึ่งมา ซึ่งเนาในกองทัพ กลับม้านำมาเฝ้า จึ่งพระพุทธเจ้าอยู่หัว ตรัสถามตัวหมื่นพล เยียใดกลจึ่งพ่าย เขาจำหน่ายเหตุสนอง ว่าเผือผองผาดผ้าย ท้ายดอนเผาธัญญา พอนาฬิกาหนึ่งนับ ปะทะทับดัสกร เข้าราญรอมรุมรุก คลุกคลีกันหนักหนา ปวงปัจจามิตรมาก หลากทุกคราทุกครั้ง ตั้งตนต่อบมิคง ตรงตนต่อบมิหยุด เหลือจักยุทธ์จึ่งลาด ครั้นพระบาทยินสาร ธก็บรรหารตระบัด ตรัสปรึกษาหาเลศ แห่งเหตุเพโทบาย ถ้วนทุกนายทุกมุล ทั่วทุกขุนหมู่มาตย์ คาดความคิดทั้งมวล ควรยศใดใครเห็น จักเข่นเข็ญให้มอด จักขอดเข็ญให้ม้วย ด้วยถ่ายเทเล่ห์ไหน วานเขือไขอย่าอำ เขาขานคำท่านถาม สงครามครานี้หนัก เชิญเสด็จพักพลหมั้น แต่งทัพซั้นไปหน่วง ถ่วงศึกไว้จงหนา รามือลงก่อนไสร้ ไว้สักครั้งรั้งรอ พอได้ทีจึ่งยาตร ยกพยุหบาตรออกราญ เห็นควรการชัยชอบ ธก็ตรัสตอบมนตรี ตรองคดีดูแผก ฝ่ายเราแตกย่นยับ จักส่งทัพไปทาน พอพลอยฉานสองซ้ำ ค้ำบอยู่บหยุด ชอบถอยทรุดอย่ารั้ง ให้ศึกพลั้งเสียเชิง โดยละเลิงใจอาจ ยาตรตามติดผิดขบวน ควรเรายกออกโรม โหมหักหาญราญรงค์ คงชำนะเศิกไสร้ ได้ด้วยง่ายด้วยงาม เขายินความยลชอบ นอบประณตแด่ไท้ ธให้หมื่นทิพเสนา กับหมื่นราชามาตย์ เหินหัยราชรีบร้อน ไปเตือนต้อนกองนา เร็วเร่งล่าอย่ารั้ง ทวยพหลทั่วทั้ง ทราบข้อบรรหาร ท่านนา
๑๐๘/๒๗๘ โคลง๒
บนานต่างตนผ้าย ไปบ่รอรั้งท้าย
ถี่เท้าผาดผัง มานา
๑๐๙/๒๗๙
ผันหลังแล่นแผ่ผ้าน บมีผู้อยู่ต้าน
ต่อสู้สักตน หนึ่งนา
ฯลฯ
๑๑๐/๒๘๐ โคลง๓
พวกพลทัพรามัญ เห็นไทยผันหนีหน้า
ไปบ่หยุดยั้งช้า ตื่นต้อนแตกฉาน น่านนา
๑๑๑/๒๘๑
ไป่แจ้งการแห่งเล่ห์ เท่ห์กลไทยใช่น้อย
ต่างเร่งติดเร่งต้อย เร่งเต้าตีนตาม มานา
๑๑๒/๒๘๒
แลหลังหลามเหลือนับ บเป็นทัพเป็นขบวนแท้
ถวิลว่าพ่ายจริงแล้ ไล่ล้ำระส่ำระสาย ยิ่งนา
๑๑๓/๒๘๓
หมายละเลิงใจอาจ ประมาทประมาณหมิ่นหมั้น
เบาเร่งเบาเชิงชั้น ชื่นหน้ามาสรลม สรลอนนา
ตอนที่ ๙ ทัพหลวงเคลื่อนพล ช้างทรงพระนเรศวรและพระเอกาทศรถฝ่าเข้าไปในกองทัพข้าศึก
๑๑๔/๒๘๔ โคลง๔ เบื้องบรมจักรพรรดิเกล้า กษัตรา เถลิงพิภพทวารา เกริ่นแกล้ว สถิตเกยรัตนราชา อาสน์โอ่ องค์เอย คอยฤกษ์เบิกยุทธ์แผ้ว แผ่นพื้นหาวหน
๑๑๕/๒๘๕
บัดดลวลาหกซื้อ ชระอับ อยู่แฮ แห่งทิศพายัพยล เยือกฟ้า มลักแลกระลายกระลับ ลิวล่งไปเฮย เผยผ่องภาณุเมศจ้า แจ่มแจ้งแสงฉาน
๑๑๖/๒๘๖ คัคนานต์นฤราสร้าง ราคิน คือระเบียบรัตนอินทนิล คาดไว้ บริสุทธิ์สร่างมลทิน ถ่องโทษ อยู่นา นักษัตรสวัสดิเดชได้ โชคชี้ศุภผล ฯลฯ
ร่าย ๑๑๗/๒๘๙ เคลื่อนพลตามเกล็ดนาค ตามเต็มท่งแถวเถื่อน เกลื่อนกล่นแสนยาทัพ ถับปะทะไพรินทร์ ส่วนหัสดินอุภัย เจ้าพระยาไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร ตรับตระหนักสำเนียง เสียงฆ้องกลองปืนศึก อึกเอิกก้องกาหลง เร่งคำรนเรียกมัน ชันหูชูหางแล่น แปร้นแปร๋แลคะไขว่ บาทย่างใหญ่ดุ่มด่วน ป่วนกิริยาร่าเริง บำเทิงมันครั่นครึก เข้าสู้ศึกโรมราญ ควาญคัดท้ายบมิอยู่ วู่วางวิ่งฉับฉิว ปลิวประเล่ห์สมพาน ส่ำแสะสารแสนยา ขวาซ้ายแซงหน้าหลัง ทั้งทวยพลตนขุน ถ้วนทุกมุลมวลมาตย์ ยาตรบทันโทท้าว ด้าวศึกสู้สองสาร ราญศึกสู้สองไท้ ไร้พิริยะแห่ห้อม พร้อมแต่กลางควาญคช กำหนดสี่โดยเสร็จ เห็จเข้าใกล้กองหน้า ข้าศึกดูดาษเดียร ธระเมียรหมู่ดัสกร มอญพม่าดาดื่น เดินดุจคลื่นคลาฟอง นองน่านในอรรณเวศ ตรัสทอดพระเนตรเนืองบร โล่โรมรอนทวยสยาม หลามเหลือหลั่งคั่งคับ ซับซ้อนแทรกสับสน ยลบเป็นทัพเป็นกอง ธก็ไสสองสารทรง ตรงเข้าถีบเข้าแทง ด้วยแรงมันแรงกาย หงายงาเสยสารเศิก เพิกพังพ่ายบ่ายตน ปนปะไปไขว่คว้าง ช้างศึกได้กลิ่นมัน หันหัวหกตกกระหม่า บ่ากันเลี่ยงกันหลบ ประทบประทะอลวน สองคชชนชาญเชี่ยว เรี่ยวรณรงค์เริงแรง แทงถืบฉัดตะลุมบอน พม่ามอญตายกลาด ข้าศึกสาดปืนโซรม โรมกุฑัณฑ์ธนู ดูดั่งพรรษาซ้อง ไป่ตกต้องตนสาร ธุมาการเกิดกระลบ อบอลเวงฟากฟ้า ดูบ่รู้จักหน้า หนึ่งสิ้นแสงไถง แลนา
๑๑๘/๒๙๐ โคลง๔
จึ่งไทเทเวศอ้าง สมมุติ มิ่งมหิศวรมกุฎ เกศหล้า เถลิงภพแผ่นอยุธย- ยายิ่ง ยศแฮ แสดงพระเดชฟุ้งฟ้า เฟื่องด้าวดินไหว
๑๑๙/๒๙๑
ภูวไนยผายโอษฐ์อื้น โชยงการ แก่เทพทุกถิ่นสถาน ฉชั้น โสฬสพรหมพิมาน กมลาสน์ แลนา เชิญช่วยชุมโสตซั้น สดับถ้อยตูแถลง
๑๒๐/๒๙๒
ซึ่งแสร้งรังสฤษฏ์ให้ มาอุบัติ ในประยูรเศวตฉัตร สืบเชื้อ หวังผดุงบวรรัตน ตรัสเยศ ยืนนา ทำนุกพระศาสน์เกื้อ ก่อสร้างแสวงผล
๑๒๑/๒๙๓
กลใดไป่ช่วยแผ้ว นภา ดลฤๅ ใสสรว่างธุมา มืดม้วย มลักเล็งเหล่าพาธา ทวยเศิก สมรแฮ เห็นตระหนักเนตรด้วย ดั่งนี้แหนงฉงาย
๑๒๒/๒๙๔
พอถวายวรวากย์อ้าง โอษฐ์พระ ดาลมหาวาตะ ตื่นฟ้า ทรหึงทรหวลพะ- พานพัด หาวแฮ หอบธุมางค์จางเจ้า จรัสด้าวแดนสมร
๑๒๓/๒๙๕
ภูธรเมิลอมิตรไท้ ธำรง สารแฮ ครบสิบหกฉัตรทรง เทริดเกล้า บ่จวนบ่จวบองค์ อุปราช แลฤๅ พลางเร่งขับคชเต้า แต่ตั้งตาแสวง
๑๒๔/๒๙๖
โดนแขวงขวาทิศท้าว ทฤษฎี แลนา บัด ธ เห็นขุนกรี หนึ่งไสร้ เถลิงฉัตรจัตุรพิรีย์ เรียงคั่ง ขูเฮย หนแห่งฉายาไม้ ข่อยชี้เณอนาม
๑๒๕/๒๙๗
ปิ่นสยามยลแท้ท่าน คะเนนึก อยู่นา ถวิลว่าขุนศึกสำ- นักโน้น ทวยทัพเทียบพันลึก แลหลาก หลายแฮ ครบเครื่องอุปโภคโพ้น เพ่งเพี้ยงพิศวง
๑๒๖/๒๙๘
สองสุริยพงศ์ผ่านหล้า ขับคเชนทร์บ่ายหน้า แขกเจ้าจอมตะเลง แลนา
๑๒๗/๒๙๙
ไป่เกรงประภาพเท่าเผ้า พักตร์ท่านผ่องฤๅเศร้า สู้เสี้ยนไป่หนี หน้านา
๑๒๘/๓๐๐
ไพรีเร่งสาดซ้อง โซรมปืนไฟไป่ต้อง ตื่นเต้าแตกฉาน ผ้านนา
ตอนที่ ๑๐ ยุทธหัตถี และชัยชนะของไทย ===
๑๒๙/๓๐๑ โคลง๔ นฤบาลบพิตรเผ้า ภูวนา ยกแฮ ผายสิหนาทกถา ท่านพร้อง ไพเราะราชสุภา- ษิตสื่อ สารนา เสนอบ่มีข้อข้อง ขุ่นแค้นคำไข
๑๓๐/๓๐๒
อ้าไทภูธเรศหล้า แหล่งตะเลง โลกฤๅ เผยพระยศยินเยง ย่านแกล้ว สิบทิศทั่วลือละเวง หวั่นเดช ท่านนา ไป่เริ่มรอฤทธิ์แผ้ว เผือดกล้าแกลนหนี
๑๓๑/๓๐๓ พระพี่พระผู้ผ่าน ภพอุต- ดมเอย ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด ร่มไม้ เชิญราชร่วมคชยุทธิ์ เผยยอเกียรติ ไว้แฮ สืบกว่าสองเราไสร้ สุดสิ้นฤๅมี
๑๓๒/๓๐๔
หัสดีรณเรศอ้าง อวสาน นี้นา นับอนาคตกาล ห่อนพ้อง ขัตติยายุทธ์บรรหาร คชคู่ กันแฮ คงแต่เผือพี่น้อง ตราบฟ้าดินกษัย
๑๓๓/๓๐๕'
ไว้เป็นมหรสพซ้อง สุขศานติ์ สำหรับราชสำราญ เริ่มรั้ง บำเทิงหฤทัยบาน ประดิยุทธ์ นั้นนา เสนอเนตรมนุษย์ตั้ง แต่หล้าเลอสรวง
๑๓๔/๓๐๖ ป่วงไท้เทเวศทั้ง พรหมมาน
เชิญประชุมในสถาน ที่นี้ ชมชื่นคชบำราญ ตูต่อ กันแฮ ใครเชี่ยวใครชาญชี้ ชเยศอ้างอวยเฉลิม
๑๓๕/๓๐๗
หวันเริ่มคุณเกียรติก้อง กลางรงค์ ยืนพระยศอยู่คง คู่หล้า สงครามกษัตริย์ทรง ภพแผ่น สองฤๅ สองราชรอนฤทธิ์ร้า เรื่องรู้สรเสริญ
๑๓๖/๓๐๘
ดำเนินพจน์พากย์พร้อง พรรณนา องค์อัครอุปราชา ท่านแจ้ง กอบเกิดขัตติยมา- นะนึก หาญเฮย ขับคชเข้ายุทธ์แย้ง ด่วนด้วยโดยถวิล
๑๓๗/๓๐๙
หัสดินปิ่นธเรศไท้ โททรง คือสมิทธิมาตงค์ หนึ่งอ้าง หนึ่งคือศิริเมขล์มง คลอาสน์ มารเอย เศียรส่ายหงายงาคว้าง ไขว่แคว้งแทงโถม
๑๓๘/๓๑๐
สองโจมสองจู่จ้วง บำรู สองขัตติยสองขอชู เชิดด้ำ กระลึงกระลอกดู ไวว่อง นักนา ควาญขับคชแข่งค้ำ เข่นเขี้ยวในสนาม
๑๓๙/๓๑๑
งามสองสุริยราชล้ำ เลอพิศ นาพ่อ พ่างพัชรินทรไพจิตร ศึกสร้าง ฤๅรามเริ่มรณฤทธิ์ รบราพณ์ แลฤๅ ทุกเทศทุกทิศอ้าง อื่นไท้ไป่เทียม
๑๔๐/๓๑๒
ขุนเสียมสามรรถต้าน ขุนตะเลง ขุนต่อขุนไป่เยง หย่อนห้าว ยอหัตถ์เทิดลบองเลบง อังกุศ ไกวแฮ งามเร่งงามโทท้าว ท่านสู้ศึกสาร
๑๔๑/๓๑๓
คชยานขัตติเยศเบื้อง ออกถวัลย์ โถมปะทะไป่ทัน เหยียบยั้ง สารทรงราชรามัญ ลงล่าง แลนา เสยส่ายท้ายทันต์ทั้ง คู้ค้ำคางเขิน
๑๔๒/๓๑๔
ดำเนินหนุนถนัดได้ เชิงชิด หน่อนเรนทรทิศ ตกด้าว เสด็จวราฤทธิ์ รำร่อน ขอแฮ ฟอนฟาดแสงของ้าว อยู่เพี้ยงจักรผัน
๑๔๓/๓๑๕
เบื้องนั้นนฤนาถผู้ สยามมินทร์ เบี่ยงพระมาลาผิน ห่อนพ้อง ศัสตราวุธอรินทร์ ฤๅถูก องค์เอย เพราะพระหัตถ์หากป้อง ปัดด้วยขอทรง
๑๔๔/๓๑๖
บัดมงคลพ่าห์ไท้ ทวารัติ แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียรสะบัด ตกใต้ อุกคลุกพลุกเงยงัด คอคช เศิกแฮ เบนบ่ายหงายแหงนให้ ท่วงท้อทีถอย
๑๔๕/๓๑๗
พลอยพล้ำเพลียกถ้าท่าน ในรณ บัดราชฟาดแสงพล- พ่ายฟ้อน พระเดชพระแสดงดล เผด็จคู่ เข็ญแฮ ถนัดพระอังสางข้อน ขาดด้าวโดยขวา
๑๔๖/๓๑๘
อุรารานร้าวแยก ยลสยบ เยนพระองค์ลงทบ ท่าวดิ้น เหนือคอคชซอนซบ สังเวช วายชิวาตม์สุดสิ้น สู่ฟ้าเสวยสวรรค์
๑๔๗/๓๑๙
บั้นท้ายคชาเรศท้าว ไทยไผท ถึงพิราลัยลาญ ชีพมล้าง เพราะเพื่อพิพิธไพ- รีราช แลนา โซรมสาดตราดปืนขว้าง ตอกต้องตนสลาย
๑๔๘/๓๒๐
ฝ่ายองค์อิศวรนาถน้อง นฤบาล แสดงยศคชยุทธยาน ยาตรเต้า มางจาชโรราญ ฤทธิ์ราช แลฤๅ เร็วเร่งคเชนทรเข้า เข่นค้ำบำรู
๑๔๙/๓๒๑
บัดภูธเรศพ่าห์ได้ เชิงชน ลงล่างง้างโททนต์ เทิดใต้ พัชเนียงเบี่ยงเบนตน เซซวน ไปแฮ หัวปั่นหันข้างให้ เพลี่ยงพลั้งเสียที
๑๕๐/๓๒๒
ภูมีมือง่าง้าว ของอน ฟันฟาดขาดคอบร บั่นเกล้า อินทรีย์ซบกุญชร เมือชีพ แลเฮย เผลพระเกียรติผ่านเผ้า พี่น้องสองไท
๑๕๑/๓๒๓
ทันใดกลางคชเจ้า จุลจักร มลายชิพิตลาญทัก ท่าวซ้ำ เหลือหลามเหล่าปรปักษ์ ปืนป่าย เอาเฮย ตรึงอกพกตกขว้ำ อยู่เบื้องบนสาร
๑๕๒/๓๒๔
พระราญอริราชด้วย เดโช สี่ทาสสนองบาทโท ท่านท้าว พระยศยิ่งภิยโย ผ่านแผ่ ภพนา สองรอดโดยเสด็จด้าว ศึกสู้เสียสอง
ร่าย ๑๕๓/๓๒๕ จึ่งกองพยุหทวยทัพ สรรพหลังหน้าขวาซ้าย ผ้ายทันธิบดินทร์ ขณะอรินทรพินาศ ขาดคอคชสองเสร็จ ต่างรีบระเห็จเข้าโรม โหมหักหาญราญรุก บุกบั่นฟันแทงฆ่า พม่ามอญไทยใหญ่ ไล่ล้างลาวดาษดวน ไล่มล้างยวนดาษดื่น ตื่นกันแตกกันตายหลายเหลือนับเนืองนอง กองก่ายกายรายหัว ตัวขาแขนเด็ดดาษ กลาดกลางท่งกลางเถื่อน เกลื่อนกลางดงกลางดอน แล่นซอกซอนซนซุก บุกทุกภายพ่ายแพ้ เพราะพระเดชท่านแท้ หากให้ขาดเข็ญ แลนา
๑๕๔/๓๒๖ โคลง๒
เห็นประภาพเจ้าช้าง เชี่ยวกว่าเชี่ยวเหลืออ้าง เอิกอื้ออัศจรรย์ ยิ่งนา
๑๕๕/๓๒๗
ขวัญหนีดีฝ่อพ้น พวกอเรนทร์ด่วนด้น ดัดดั้นทางทวน ไปนา ฯลฯ
ตอนที่ ๑๑ พระนเรศวรทรงสร้างสถูปและปูนบำเหน็จทหาร
๑๕๖/๓๓๒ โคลง๔ ราชาชัเยศอื้น โองการ รังสฤษฏ์พระสถูปสถาน ทึ่มล้าง ขุนเข็ญคู่รำบาญ สวมศพ ไว้แฮ หนตระพังตรุสร้าง สืบหล้าแหล่งเฉลิม
ร่าย ๑๕๗/๓๓๓ เสร็จเริ่มรณแล้วไสร้ ธให้เจ้าเมืองมล่วน ถ้วนทั้งคชหมอควาญ จำทูลสารเสียรงค์ องค์อุปราชเอารส ขาดคชลาญชีพ รีบเร็วยาตรอย่าหึง ไปแจ้งอึงกฤษฎาการ แด่มหิบาลผู้เผ้า เจ้าแผ่นภพหงสา แล้วธให้คลาพยุหทัพ กลับคืนครองครอบเหล้า เถลิงอยุธยเย็นเกล้า ทั่วทวยสยาม สิ้นนา
๑๕๘/๓๓๔ โคลง๔
กรุงรามฤทธิ์เฟื่องฟ้า ฟู่ภพ ตระบัดบพิตรปรารภ ชอบพ้น เจ้ารามราฆพ คงคู่ เสด็จนา ตำแหน่งกลางช้างต้น ต่อด้วยดัสกร
๑๕๙/๓๓๕
กุญชรวรพ่าห์ท้าย เถลิงงาน องค์อนุชนฤบาล บั่นเสี้ยน ขุนศรีคชคงชาญ ชเยศ ยิ่งนา สนองบาทยาตรยุทธ์เที้ยน เพื่อนไท้ในรณ
๑๖๐/๓๓๖
สองผจญอริราชด้วย โดยเสด็จ คุณขอบตอบบำเหน็จ ท่านให้ ครบเครื่องอุปโภคเสร็จ ทุกสิ่ง สรรพแฮ เงินและทองทาสใช้ อีกทั้งทวยเชลย
๑๖๑/๓๓๗
แล้วเผยพจนารถชั้น บรรหาร ยกชอบกอบบำนาญ ที่ม้วย นาย
๑๖๒/๓๓๘
นบัดดลดำรัสให้ ปูนยศ ทรัพย์สิ่งศรีสำรด ทั่วทั้ง บุตรทารท่านแทนทด ความชอบ เขานา สมที่ภักดีตั้ง ต่อเหง้าเผ่าเฉลิม
ร่าย ๑๖๓/๓๓๙ เพิ่มบำเหน็จเสร็จไซร้ ธให้เชิญพระอัยการศึก ปรึกษาโทษขุนทัพ สรรพทั้งมวลหมู่มาตย์ ว่าอริราชริปู ยกพยูหเหยียบเขต ประเวศชานเวียงชัย พระบาทไทธทั้งสอง ปองพระศาสน์อำรุง ผดุงชุมชีทวิชาติ ทั่วทวยราษฎร์ประชา ไป่ระอาออกท้อ ข้อลำเค็ญพระองค์ ทรงพระอุตสาหภาพ เสด็จปราบราชอรี ปวงมนตรีนาย
ฯลฯ
๑๖๔/๓๔๓ โคลง๓
ถวายพิพากษาชั้น ดำรัสโดยเหตุหั้น แห่งเบื้องบันทึก โทษนา
๑๖๕/๓๔๔
คำนึงนึกบาปใกล้ วันบัณรสีไซร้ จวบเข้าควรงด หน่อยนา
๑๖๖/๓๔๕
กำหนดพรุกเพ็ญแท้ พันธนาไว้แล้ ตรุตรึ้งตรากขัง มั่นนา
๑๖๗/๓๔๖ โคลง๓
ตั้งแต่ปาฏิบท ล่วงอุโบสถเสด็จแล้ว เร่งสฤษฏ์โทษอย่าแคล้ว คลาดด้าวดำเนิน บทนา
ตอนที่ ๑๒ สมเด็จพระวันรัตขอพระราชทานอภัยโทษ
ร่าย ๑๖๘/๓๔๗ ไป่เกินกาลท่านสั่ง กระทั่งแรมสิบห้าค่ำ ย่ำสองนาฬิกาปลาย ทำงนงายพอเสร็จ จึ่งสมเด็จพระวันรัต วัดป่าแก้วแคล้วคลา กับราชาคณะสงฆ์ ยี่สิบห้าองค์สองแผนก แฉกงาสานสรล้าย ผ้ายลุยังวังราช พระบาทธให้นิมนต์ ดลเรือนรัตนมาฬก ตกแต่งอาสน์ลาดเจียม เตรียมเสร็จสงฆ์สู่สถิต บพิตรกรกรรมพุม ชุมบรรพชิตแช่มชื่น ขุนชีอื้นอวยพร ถามข่าวจรจอมภพ ซึ่งเสด็จรบพารณ จนอเรนทรพินาศ ขาดคอคชในรงค์ จึ่งพระองค์อิศเรศ บรรหารเหตุจำบัง จอมสงฆ์ฟังซั้นขาน พระราชสมภารมีชัย ใดทวยบาทมูลิกา ต้องอาชญายินแหนง ตรัสแสดงโดยดับ ว่านายทัพทั้งผอง เกณฑ์เข้ากองพยูห์ โยมสองตูต่อเข็ญ มันเห็นเศิกสระทก ตระดกดาระรัว ยิ่งกว่ากลัวสวามิศ บเต้าติดตูต้อย มละแต่ข้อยสองคน เข้าโรมรณราวิศ ในอมิตรหมู่กลาง แสนเสนางค์เนืองบร จนราญรอนไอยเรศ ลุชเยศมฤตยู จึ่งได้ดูหน้ามัน เพื่อมหันตบารเมศ เบื้องบุเรศบำรุง ผดุงเดชเผือพี่น้อง ผิบพ้องบุญบูรพ์ ไอยศูรย์เสียมภพ ตรลบเลื่องขามนามตะเลง ลือละเวงธาษตรี เป็นธรณีหงสา เสื่อมกฤตยาสยามยศ สาหสสหากมากมวล ควรลงทัณฑ์ถึงม้วย ด้วยพระอัยการศึก จารึกชื่อชั่วฟ้า ไว้เป็นขนบภายหน้า อย่าให้ใครยลเยี่ยงนา
๑๖๙/๓๔๘ โคลง๔
สมเด็จพนรัตเจ้า จอมชี
ฉลองพจน์ราชวาที ท่านให้
ทวยทูลละอองธุลี บัวบาท พระนา
พื้นภักดีต่อใต้ บทเบื้องเรณู
๑๗๐/๓๔๙
ดูผิดไป่รักท้าว ไป่เกรง
แผกระบอบแต่เพรง ห่อนพ้อง
พระเดชหากแสดงเอง อำนาจ พระนา
เสนอทุกทวยธเรศก้อง เกียรติอ้างอัศจรรย์
ฯลฯ
๑๗๑/๓๕๗
พระตรีโลกนาถแผ้ว เผด็จมาร
เฉกพระราชสมภาร พี่น้อง
เสด็จไร้พิริยะราญ อรินาศ ลงนา
เสนอพระยศยิ่งยินก้อง เกียรติท้าวทุกภาย
๑๗๒/๓๕๘
ผิวหลายพยุหยุทธ์ร้า โรมรอน
ชนะอมิตรมวลมอญ มั่วมล้าง
พระเดชบ่ดาลขจร เจริญฤทธิ์ พระนา
ไปทั่วธเรศออกอ้าง เอิกฟ้าดินไหว
๑๗๓/๓๕๙
อย่าไทโทมนัสน้อย หฤทยา
เพื่อพระราชกฤษฏา แต่กี้
ทุกทวยเทพคณา ซุมซ่วย พระเอย
แสดงพระเดโชชี้ ชเยศไว้ในสนาม
๑๗๔/๓๖๐ โคลง๓
สมดั่งความตูพร้อง ขอบพิตรอย่าข้อง
ขุ่นแค้นเคืองกมล ท่านนา
๑๗๕/๓๖๑
โดยยุบลถ่องแท้ ฤๅสนเท่ห์เล่ห์แล้
ถูกถ้อยแถลงการณ์ นี้นา
ร่าย ๑๗๖/๓๖๒ ปางนฤบาลบดินทร์ ยินสมเด็จพระวันรัต จำแนกอรรถบรรยาย ถวายวิสัชนาสาร โดยพิสดารพรรณนา เสนอสมญายศโยค พระบรมโลกโมลี ด้วยวิธีอุปมาแห่งกฤษฎาภินิหาร ดาลมนัสชุ่มชื้น ตื้นเต็มปรีดิ์ปราโมทย์ โอษฐ์ออกื้นสาธู ชูพระกรกรรพุม ชุมทศนัขเหนือผาก เพื่อยินมลากเลอมาน เจ้ากูขานคำขอบ ชอบทุกสิ่งจริงถ้อย ถวิลบ่แหนงหนึ่งน้อย แน่แท้แถลง แลนา
๑๗๗/๓๖๓
แจ้งเหตุแห่งเหือดขึ้ง ในมนัส
จึ่งพระวันรัตวัด ป่าแก้ว
ถวายพรบวรศรีสวัสดิ์ สว่างโทษ ท่านนา
นฤทุกข์นฤภัยแผ้ว ผ่องพ้นอันตราย
๑๗๘/๓๖๔
ทั้งหลายทวยบาทเบื้อง บงกช
ควรโคตรโทษสาหส อะคร้าว
แต่ทูลธุลีบท สนองบาท มานา
เพรงพระอัยกาท้าว ตราบไท้พระเจ้าหลวง
๑๗๙/๓๖๕
ล่วงถึงบพิตรผู้ เถลิงถวัลย- ราชย์ฤๅ
คือพุทธบรรษัทสรรพ์ สืบสร้าง
เชิญดอดอวยทัณฑ์ ทวยโทษ นี้นา
เลยอย่าลาญชีพมล้าง หนึ่งครั้งขอเผือ
๑๘๐/๓๖๖
ไว้เพื่อผดุงเดชเจ้า จอมปราณ
ก่อเกิดราชรำบาญ ใหม่แม้
พูนเพิ่มพระสมภาร เพ็ญภพ พระนา
วายบ่หวังตนแก้ ชอบได้ไป่มี
ร่าย ๑๘๑/๓๖๗ นฤบดีดาลสดับอรรถ ซึ่งพระวันรัตอภิปราย ถวายพระพรอาจายน์ โทษมวลมาตย์ทุกมุล เพื่อการุญบริรักษ์ ภักดีในบาทบงสุ์ จึ่งพระองค์อนุญาต พระราชทานโทษทั้งผอง โดยอันครองยศ บรรหารพจนพาที ซึ่งเจ้าชีขานขอ ข้อยยกยอโทษให้ แต่ชอบใช้ไปรอน เอานครตะนาวศรี บุรีทวายมริด ถ่ายหนผิดหาชอบ ขุนสงฆ์ตอบคำขาน ข้อโรมราญราวิศ ไป่เป็นกิจตูตาม ใช่เงื่อนงามบรรพชิต โดยพิตรอัธยา เบื้องบัญชาเชิงใช้ ขอลาไท้ลีลาศ ยังอาวาสเวียงวัด ตระบัดท่านจรลี พาเพื่อนชีอะคร้าว คืนสู่ด้าวอาราม เจ้าจอมสยามเสาวนีย์ เนืองมนตรีพ้นโทษ โปรดให้เนาตำแหน่ง แห่งฐานันดรยศ พระราชกำหนดโดยดับ ทัพเจ้าพระยาคลัง รังพลห้าหมื่นเสร็จ เห็จโหมเวียงทวาย หมายเจ้าพระยาจักรี พรักพิรีย์เทียบทัด รัดไปโรมตะนาวศรี ตีมริดเวียงชัย จึ่งชไมมาตยา บัลคลลายาตรพยู่ห์ สู่แดนเศิกโดยปอง ปิ่นเสียมสองสุริยชาติ ตรัสพิภาษพจนา ซึ่งอุตรานคเรศ เขตสีมาเมืองออก เลิกครัวครอกมาหลาย หมายบ่หมดทั้งผอง ตริไตรครองคราวศึก เสื่อมหาญฮึดแบ่งเบา จักโรมเราฤๅย่าน ฝีมือม่านมอญมวล ควรผดุงชนบท ปรากฏเกียรติยืนยง คงคู่กัลป์ประลัย เฉลิมแหล่งไผททั่วด้าว แสดงพระยศไทท้าว ธิราชไว้ไป่วาย นามนา
ฯลฯ
๑๘๒/๔๒๖ โคลง๔
เสร็จแสดงพระยศเจ้า จอมอยุธ- ยาแฮ
องค์อดิศรสมมุติ เทพไท้
นเรศวรรัตนมกุฎ เกศกษัตริย์ สยามฤๅ
หวังอยู่คู่ธเรศไว้ ฟากฟ้าดินเฉลิม
๑๘๓/๔๒๗
รังเริ่มรจเรขอ้าง อรรถา แถลงเอย
เสมอทิพย์มาลย์ผกา เก็บร้อย
ฉลองบทรัชนรา- ธิปผ่าน ภพฤๅ
โดยบ่เชี่ยวเชลงถ้อย ถ่องแท้แลฉลาย
๑๘๔/๔๒๘
บรรยายกลกาพย์แสร้ง สมญา ไว้แฮ
สมลักษณ์เล่ห์เสาวนา เรื่องรู้
“ตะเลงพ่าย”เพื่อตะเลงปรา- ชเยศ พระเอย
เสนอฤทธิ์สองราชสู้ ศึกช้างกลางสมร
๑๘๕/๔๒๙
อวยพรคณะปราชญ์พร้อม พิจารณ์ เทอญพ่อ
ใดวิรุธบรรหาร เหตุด้วย
จงเฉลิมแหล่งพสุธาร เจริญรอด หึงแฮ
มลายโลกอย่ามลายม้วย อรรถอื้นอัญขยม
๑๘๖/๔๓๐
กรมหมื่นนุชิต เชื้อ กวีวร
ชิโนรส มิ่งมหิศร เสกให้
ศรีสุคต พจนสุนทร เถลิงลักษณ์ นี้นา
ขัตติยวงศ์ ผจงโอษฐ์ไว้ สืบหล้าอย่าศูนย์
ฯลฯ
๑๘๗/๔๓๗
ผิววงว่ายวัฏเวิ้ง วารี โอฆฤๅ
บลุโลกกุตรโมลี เลิศล้น
จงเจนจิตกวี วรวากย์ เฉลิยวเอย
ตราบล่วงบ่วงภพพ้น เผด็จเสี้ยนเบียนสมร
ฯลฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น