วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บรมมหานารายณ์ทศอวตาร ตอน วามนาวตาร

ทศอวตารนารายณ์เทพ ตอน วามนาวตาร

อันจะกล่าวถึงท้าวพลีอสุราช เอารสท่านประหลาดกุมารศรี
หยาบช้าพาลหมายครอบครองจักรวาล บุกทำลายยึดครองทั้งไตรภพ
พระวิษณุเทพเสด็จอวตาร เป็นพราหมณ์เตี้ยพิกลพิการไน้เภทภัย
หลอกของแผ่นดินสามย่างก้าว ท้ามพลีหลงการสิ้นเดชานุภาพาล

       ปางอวตารที่ห้าของพระนารายณ์คือ วามนาวตาร ทรงอวตารมาเป็นพราหมณ์เตี้ยหรือคนแคระตัวเล็กบุตรของพระกัศปเทพบิดรและพระอทิติเทพมารดร เพื่อปราบท้าวพลีบุตรประหลาดกุมารที่ยกพลอสูรยึกครองสวรรค์ โลกมุนาญ์และบาดาลไว้สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว ด้วยกุศโลบายที่เรียบง่ายและเป็นที่มาของวลีที่ว่า "ย่างสามขุม"
        ประหลาดกุมารปกครองอสูรด้วยธรรมะตามบัญชาแห่งพระนารายณ์หลังจากที่ประหลาดกุมารสิ้นชีพไปบุตรชายคือท้าวพลีได้ครองราชย์ปกครองอสูรอยู่ ปรากฏว่าท้าวพลีมิได้เลือดของพ่อมาแต่น้อยกลับได้ของปู้คือหิรัณกศิปุมาเต็มๆ และคำนึงถึงความยิ่งใหญ่แต่หนหลังของปู่จนจึงคิดทวงคืนแผ่นดินจากพระอินทร์อีกครั้ง จึงยกทัพอสูรเข้าต้องสู้ด้วยพลังกำลังและความเคียดแค้นที่เต็มอก พระอินทร์จึงสู้ไม่ได้ต้องยกพลอพยพเทวดาไปอยู่ยังเชิงเขาที่พำนักของพระกัศปมุนีและพระนางอทิติ และสวดมนต์ขอให้พระนารายณ์ช่วย พระนารายณ์จึงอวตารลงมาเกิดเป็นบุตรของพระกัศปมุนีและพระนางอทิติ โดยเกิดมามีรูปร่างพิกลพิการในสายตาคนทั่วไปคือเป็นคนแคระ พระกัศปมุนีให้ชื่อว่า วามน
        วามนรำเรียนศิลปศาสตร์ไตรเพทจนครบถ้วนแล้วจึงบวชเป็นพราหมณ์ ในเวลานั้นท้าวพลีซึ่งครอบครองสามโลกได้สำเร็จก็ทำพิธียัญบูชาใหญ่ถวายแด่หิรัญกศิปุและยกตนเป็นพระผู้เป็นเจ้า จึงได้มีการเชิญพราหมณ์จากทั่วทุกหัวระแหงมาร่วมพิธีด้วย รวมทั้งวามนพราหมณ์เตี้ย ในพิธีดังกล่าวกษัตริย์จะต้องถวายปัจจัยแก่พราหมาณ์ทีเชิญตามแต่พราหมณ์จะขอ ซึ่งเป็นการแสดงความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์อย่างท้าวพลี พราหมณ์คนอื่นก็ขอเล็กๆน้อยๆเพราะเกรงกลัวโทสะของท้าวพลี พอมาถึงวามนพราหมณ์เตี้ย ท้าวพลีก็เกิดเอ็นดูในความน่ารักบนแปลกประหลาดจึงถวายพรแก่วามน ว่า
        "ท่านปรารถนาสิ่งใหญ่พราหมณ์ จงแจ้งแถลงไข"
        "ท้าวพลีผู้ยิ่งใหญ่ ตัวข้าเตี้ยแคระพิกลพิการมิปรารถนาสิ่งใดของเพื่อแผ่นดินสามย่างก้าวเป็นที่อยู่อาศัยไม่มีใครมารบกวนก็เพียงพอ" ท้าวพลีก้มดูขาวามนที่สั้นก็เกิดความคิดว่าแผ่นดินสามย่างก้าวจักเท่าใดกัน จึงประทานให้และยกคนโทนำและหลั่งทักษิโณทกใส่มือพราหมณ์ ตอนนั้นพระศุกร์ผู้เป็นอาจารย์ของเหล่าอสูรเห็นภาพวามนมีสี่กรถือสังข์กับจักรก็รู้ทันทีว่าเป็นพระนารายณ์อวตารมาและเห็นว่าท้าวพลีกำลังจะหลงกลจึงหายตัวไปอดุปากพวนคนโทไม่ให้นำออกมา ท้าวพลีทั้งเททั้งเขย่าก็ไม่ออก วามนก็รู้ด้วยญาณว่าเป็นฝีมือพระศุกร์จึงเอาหญ้าคาเเทงเข้าไปถูกตาพระศุกร์บอด พระศุกร์ทนไม่ไว้ต้องรีบหายตัวไปยังที่พำนักของตน พอท้าวพลีเทน้ำลงมือวามนเรียบร้อย ทันใดนั้นวามนก็สำแดงฤทธิ์กลายร่างเป็นพระนารายญ์ สี่กรตัวสูงใหญ่สุดขอบจักรวาลก้าวขาครั้งที่หนึ่งก็เอาสวรรค์ไว้ทั้งหมด ก้าวขาครั้งที่สองก็เอาโลกมนุษย์ไว้ทั้งหมด และกำลังก้าวขาครั้งที่สามเพื่อเอาบาดาลไว้ทั้งหมด ท้าวพลีเห็นเช่นนั้นก็ตกตะลึงและนึกถึงคำสอนขอบิดาว่าไม่มีผู้ใดในไตรภพจะสามารถต้านทานอำนาจของพระนารายณ์ได้ จึงคุกเข่ากราบของอภัยและสำนึกผิดในบาปที่ตนก่อน พระนารายณ์กลายร่างกลับมาเป็นวามนพรามหณ์แคระ และเอาเท้าเหยียบหัวเป็นการลงโทษและมีบัญชาให้ท้าวพลีไปปกครองบาดาลชั้นที่ลึกที่สุดสำนึกผิดอยู่ที่นั้นชั่วชีวิต ท้าวพลีก็ยอมทำตามและยึดถือพระนารายณ์เป็นสรณะตลอดไป สามโลกก็กลับคือสู่สันติสุขอีกครั้ง
            และนี้เป็นที่มาของวลีที่ว่า ย่างสามขุม เป็นท่าหนึ่งในกระบวนแม่ไม้มวยไทยและยังเป็นการใช้วามนแทนความอ่อนน้อมถ่อมตนและการไม่ดูถูกผู้ที่ต่อยต่ำกว่าจึงนับเป็นอวตารที่มีความหายลึกซึ้งมากภาคหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น