วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มหาราชสดุดี


ที่ที่ดีที่สุดของข้าพเจ้า คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั้นคือคนไทยทั้งปวง

       พระราชดำรัสที่ทรงพระราชทานสัมภาษณ์แก่นักข่าวต่างประเทศเมื่อกว่า 40 ปีก่อน นับเนื่องมาถึงวันนี้ทรงไม่เคยที่จะปฏิบัติตนนอกเหนือพระราชปณิธารของพระองค์เลย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ของชาวไทย ผมไม่อาจบอกได้ว่าทรงเป็นเพียงพระมหากษัตริย์ของประเทศไทยเพราะทรงเป็นมากกว่านั้น ทรงอยู่ในจิตใจของประชาชนทรงเข้าไปเกาะกุมจิตใจของประชาชนชาวไทยทุกคน นับเนื่องมาตั้งแต่การครองราชย์สมบัตเมื่อปีพุทธศักราช 2489 มาถึงวันนี้ก็ว่า 66 ปีแล้วที่ทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรเป็นมิ่งขวัญของประเทศชาติและประชาชน
      คำว่าพระราชา เป็นคำที่ยิ่งใหญ่มากในความคิดของคนหลายคนและยังเป็นเครื่องบอกฐานะว่าอยู่เหนือผู้อื่น พระราชาอยู่สุขสบายในวังอันหรูหรา งานเลี้ยงเช้าค่ำเงินทองท่วมหัวแต่นั้นใช้ไม่ได้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของชาวไทย เพราะพระองค์เป็นคนแบบกับพระราชาในอุดมคติเลย ทรงไม่เคยที่จะประทับสบายๆในพระราชวังแต่ทรงกลับออกไปเยี่ยมเยียนราษฎรแม้หนทางจะอย่างลำบากไกลสุดกู่ ข้ามเขาสามสี่ลูก รถเข้าไม่ถึงต้องเดินหลายชั่วโมง ต้องบุกป่าฝ่าดงลึกแค่ไหนทรงก็ไม่เคยปริปากบ่นออกมาแม้แต่คำเดียว ทรงวิริยะอุตสาหะที่จะไปให้ถึงเพื่ออะไรกัน ก็เพื่อทรงจะได้พัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น ให้อยู่ดีกินดีพอมีพอใช้ไม่เดือดร้อนใคร ทรงพระราชดำเนินไปทั่วทุกหัวระแหงจะร้อนแสนร้อนจะเหนื่อยแสนเหนื่อยก็ทรงตราตรำทำเพื่อใครถ้าไม่ใช่ประชาชนชาวไทย
       เมื่อคนไทยไม่มีกิน พื้นดินแห้งแล้ง ไร้ข้าวปลาอาหาร ฟ้าฝนขาดเม็ด ต้นไม้ถูกตัดถางทำลายและอีกสารพัดปัญหาก็ทรงพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยซึ่งหนทางแห่งการแก้ปัญหาผ่านโครงการพระราชดำริกว่า 3,000 โครงการ เมื่อไม่มีฝนทรงก็พระราชทานฝนให้ เมื่อไม่มีนำทรงก็พระราชทานน้ำให้ เมื่อแผ่นดินแห้งแล้งก็ก็พระราชทานป่าเพื่อเป็นแหล่งต้นน้ำสร้างความอุดมสมบูรณ์ ประชาชนไม่มีกินก็ทรงพระราชทานอาชีพพลิกฟื้นพื้นดินกลับมาสู่แผ่นดิน เรียกได้ว่าคนไทยทุกคน ก้อนดินทุกก้อน ต้นไม้ทุกต้นทั่วทุกอณูของประเทศไทยต่างได้รับสายธารแห่งพระเมตตาจากพระองค์ทั้งสิ้น
      ยามใดที่คนไทยประสบความทุกข์ยากประสบกับภาวะอับจนหนทาง ยามถูกภัยพิบัติโถมกระหน่ำเข้าใส่ก็ทรงพระราชทานความช่วยเหลือมิได้ขาด ทรงพระราชทานแนวทางแห่งการพ้นจากห้วงเวลาอันเหลวร้ายให้ผ่านไปได้ด้วยดี จากพระราชนิพนธ์พระมหาชนกที่ให้คนไทยทุกคนเป็นดังขวัญในความมืดมิดว่ายามที่คนเราตกอยู่ในความทุกข์แสนสาหัสอย่างมัวแต่ถามโชคชะตาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่จงปฏิบัติตนด้วยความเพียร ดุจดังพระมหาชนกที่ตกลงไปในน้ำแต่ไม่มัวถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่กลับว่ายออกไปด้วยความพากเพียร เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 40 คนตกงานมากมายมหาศาลพระองค์ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ทรงให้คนต่างจังหวัดกลับบ้านเกิดกลับไปพลิกฟื้นพิ้นดินและชีวิตอีกครั้งปัจจุบันคนเหล่านั้นอยู่ดีกินดีมีชีวติที่สมบูรณ์พูนสุขไม่มีหนี้สินด้วยพระเมตตาของพระองค์เป็นแน่แท้แม้แต่คนในเมืองกรุงเองหลายคนก็รอดตายด้วยพระราชดำรัสในครั้งนั้นที่เปรียบดังนำทิพย์ที่มาชะโลมจิตใจในแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง
       ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเขียนว่า หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยกราบบังคมทูลถามพระองค์ว่า "ทรงเหนื่อยและท้อบ้างไหม" พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตอบว่า "ที่ว่าเหนื่อยมันก็เหนื่อยแต่มันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันเรามันสูงเหลือเกิน มันหมายถึงคนไทยทั้งประเทศ ประเทศไทยทั้งประเทศ" ดูสิว่าทรงไม่เคยคิดถึงพระองค์เองเลยทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์ทรงทุ่มเทให้กับการพัฒนาความเป็นอยู่ของคนไทยและเพื่อปะโยชน์สูงสุดของคนไทยโดยตลอดไม่เคยคิดถึงความสุขสบายของพระองค์เองเลยด้วซ้ำ คราวที่ทรงรับการถวายการรักษาฟันแพทย์เจาะเปิดทางให้หนองไหลออกมาก็ทรงคิดถึงพรุที่มีน้ำเค็มขังทางภาคใต้และคิดวิธีแก้ปัญหาด้วยการเจาะทางให้นำเค็มไหลออกไป หรือคราวที่ทรงเห็นทูลกระหม่อมฟ้าหญิงเล้กทรงทดลองวิทยาศาสตร์ก็ทรงคิดค้นกรรมวิธีฝนหลวงได้ที่นั้น ทรงเลยแต่ต่างจากพระราชาทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ทรงบำเพ็ญทุกวินาทีของพระองค์เพื่อคนไทยตลอดมา
       ย่างเข้าพระชนมายุที่ 84 เรียกตามภาษาชาวบ้านว่าเป็นผู้สูงอายุ ถ้าเป็นคนธรรมดาคงอยู่บ้านเลี้ยงหลาน ไม่ก็เล่นหมากรุก เลี้ยงนกปลุกต้นไม้ไปตามเรื่อง แต่ไม่ใช่สำหรับพระองค์เลย แม้จะทรงพระชนมายุเพิ่มขึ้น พระวรกายก็ทรุดโทรมลงตามกาลเวลา พระอนามัยก็ไม่สมบูรณ์ด้วยพระโรคเบียดเบียนแต่ก็ทรงยังปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างต่อเนื่องไม่เคยหยุดพัก เพียงเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยเท่านั้นเอง ไม่เคยที่จะคิดว่าความแก่ชราเป็นอุปสรรคในการทรงงานทรงยังทรงงานเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงด้วยคำมั่นสัญญาที่ทรงให้ไว้เมื่อแรกบรมราชาภิเษกว่า


เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

และก็ทรงไม่เคยผิดคำพูดของพระองค์แม้แต่ห้วงวินาทีเดียว ทรงครองแผ่นดินนี้ด้วยธรรมและบำเพ็ญพระองค์เพื่อประโยชน์สุขแห่งประชาชนคนไทยอย่างแท้จริง ผมจึงกล้าพูดว่าทรงไม่ได้เป็นเพียงพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย แต่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของชาวไทยอย่างแท้จริง เป็นธิราชเจ้าผู้เข้าไปอยู่ในหัวใจของคนไทยทั้งแผ่นดิน

ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น